"สปายคาร์ สปายขับ"

   

    เปิดโลกยนตรกรรม สัปดาห์นี้ นำเอาเรื่องราวประสบการณ์การขับรถ นิสสัน อีโคคาร์ อย่างไม่เป็นทางการมาเล่าให้แฟนฟัง สำหรับคนที่ติดตามข่าวคราวแวดวงยานยนต์ เชื่อว่าจะถูกใจผู้อ่านที่อยากรู้เรื่องราวรถเล็กรุ่นแรกของโลกที่มีมาตรฐาน ใหม่ ก่อนคนอื่นๆ ผมเชื่อว่า "คม ชัด ลึก" เป็นเพียง สื่อเดียวที่ได้มีประสบการณ์ขับรถอีโคคาร์ แม้ว่ารถจะอยู่ระหว่างการทดสอบ และยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ผมขอเรียกรถคันนี้ว่า  นิสสัน อีโคคาร์ ไปพลางๆ ก่อนเพราะว่า ชื่อรุ่นจริงๆ แว่วมาว่า นิสสัน อยู่ระหว่างการสรุป ในอีก 1 สัปดาห์ ส่วนราคาก็คิดว่า สัปดาห์นี้คงจะได้สรุปเช่นกัน แต่แน่นอนว่า ราคาของนิสสัน ต่ำกว่ามาสด้า 2 ส่วนจะมากหรือน้อยเท่าไรนั้น รออย่างเป็นทางการจากนิสสันดีกว่า จะได้ไม่สับสนและคาดหวังมากไป

    ภายใต้แนวคิดและกลุ่มเป้าหมายของรถ ต้องเป็นรถประหยัด ตามสเปกของรัฐ ที่กำหนดให้ รถต้องผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 200 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต้องทำได้ 20 กิโลเมตร/ลิตรหรือ 5 ลิตรต้องวิ่งได้ 100 กม. และมีการผลิต 1 แสนคัน ภายในปีที่ 5 นอกจากนี้ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย UNECE 94/95

    นี่คือเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด ไม่มีเงื่อนไขทางด้านขนาดและราคา แต่ทว่ารถที่จะทำได้ 20 กิโลเมตร/ลิตร นั้นจะต้องคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไปจึงจะทำได้ หรือเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้น ขนาดของตัวรถ อุปกรณ์ต่างๆ จึงออกมาในแนวว่า มิติของรถไม่ใหญ่เกินไป

    การสัมผัส รถต้นแบบ ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสขับที่สนาม ทดสอบยางของบริดจสโตน ในรูปแบบยิมคาน่าบนสนามที่สุดแสนจะปลอดภัย  เป็นการจำลองเอาเส้นโค้งเล็กๆ ยาวพอสมควร สภาพพื้นผิวลาดยางดีเยี่ยม

    รถเก๋งขนาดเล็ก รูปทรง 5 ประตู  พลางตัวด้วยสีดำ มิดชิด ไม่เห็นแม้แต่ไฟหน้าและไฟท้าย พอจะจับมิติของรถได้ว่า ด้านหน้าโค้งมน ได้รูป เหมือนมาร์ชตัวก่อนหน้า  ขนาดของรถดูแล้วเล็ก มันเป็นรถขนาดเล็ก จนกว่าจะได้เข้าไปนั่งถึงรู้ว่า ภายนอกเล็กแต่ภายในใหญ่ กว้างกว่าที่คิด กระจกหน้าบานใหญ่ แต่กระจกหลังมองผ่านกระจกไปแล้วดูจะแคบไปนิด

    รถคันนี้เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เครื่องยนต์ 3 สูบ 1200 ซีซี  ราว 87 แรงม้า ใครที่ไม่เคยขับเกียร์ธรรมดา อาจจะนึกวิธีการขับไม่ออก แต่สำหรับผม เกียร์ธรรมดา เป็นเหมือนของเล่นที่ชื่นชอบ เหมือนเด็กเจอขนม

    ผมพยายามมองทุกอย่างที่เห็น จำทุกอย่างที่พอจะจำมันได้ แต่ทว่า สปายคาร์คันนี้ ปิดสนิทแทบไม่มีอะไรให้มองเห็นได้เลย นอกจากพลาสติกสีดำหนา  ไม่เห็นรอยต่อ โค้งหรือขอบโคมไฟ  ไม่เห็นแม้ว่ามี วิทยุเทป ช่องแอร์ ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ทุกอย่างปิดสนิท

    เลยต้องว่ากันด้วยความรู้สึกอย่างเดียว เมื่อจะเข้าไปนั่ง ประตูด้านหน้าขนาดใหญ่เปิดได้กว้าง ขนาดของเบาะไม่ต่างไปจากรถซับคอมแพคทั่วไป แม้จะดูที่นั่งสูงเหมือนเก้าอี้ ภายในให้ความรู้สึกว่า มีที่ว่างเยอะเหลือเกิน หลังคาสูง พื้นที่ขาเยอะ พวงมาลัย สามก้าน วงเล็กพอจะเข้าใจได้ว่าเป็นสปอร์ต วัสดุภายในทำให้เกือบตกใจว่า หากใช้วัสดุนี้พลาสติกดูราคาถูก สีดำ อาจจะมีคำถามจากคนที่อยากซื้อพอสมควร เพราะดูแล้วเกรดของวัสดุที่ใช้ถือว่า ระดับล่างมากทีเดียว

    คันที่ขับ แอร์เป็นแบบหมุน  มีปุ่ม 3 ปุ่ม ทรงกลม เหลือจากที่ปิดไว้ให้ดูได้ในซุ้ม เรือนไมล์ มีวัดรอบ และวัดความเร็วแบบเข็ม แผงหน้าปัด ทรงกลม มองเห็นตัวเลขสูงสุด ที่ 180 กม./ชม.

 หลังสำรวจคร่าวๆ กะว่าจะดูอย่างละเอียด  เจ้าของรถไม่อนุญาตให้เปิดฝากระโปรงหน้าได้ แต่ข้อมูลที่ชัดเจนยืนยันว่า เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ 87 แรงม้า

    ผมบิดกุญแจ ออกตัวรถ เหยียบแป้นคลัชต์เล็กๆ หมุนพวงมาลัย ที่น้ำหนักเบามือ กว่าซับคอมแพคใดๆ ที่เคยขับมา แม้ว่าของฮอนด้าแจ๊ชจะเบามากแล้ว แต่นิสสันทำมาหมุนเบามือกว่ามาก  ใส่เกียร์ 1 รถพุ่งปี๊ด ออกตัวไปไม่มีอืด เกียร์สองเกียร์สาม อัตราเร่งติดเท้า แม้ผมไม่ชินรถและห่วงว่าสติกเกอร์ที่ปะไว้เต็มรถ จะหลุด ก็เลยไม่กล้าซัดแรงๆ ในรอบแรก ได้แต่ลองความแม่นของพวงมาลัย การเกาะถนน และความต่อเนื่องของการเปลี่ยนคลัชต์ และเกียร์  รถตอบสนองดี  พวงมาลัยแม่นยำ ช่วงล่างถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นจริง นิสสันอีโคคาร์ ขับได้สนุก แต่ช่วงล่างคงยังไม่ถึงมาสด้า 2

    เครื่องยนต์และเกียร์ ตอบสนองดีมาก แม้เครื่องยนต์มีซีซีต่ำ ก็ไม่รู้สึกว่า เครื่องโดนเค้นจนเสียงดังกราว การเป็นผู้โดยสารในรถคันนี้จำเป็นยิ่ง ผมเลยทดลองนั่งหลังในขณะที่คนอื่นๆ ขับ เบาะหลังไม่เลวเลยแม้จะรู้สึกว่า เสา ซีจะใกล้เรามาก  ขนาดของเบาะกว้าง แต่ความหนาของเบาะไม่มากนัก การเข้าออกประตูหลัง ก็จัดว่าสมตัว ไม่รู้สึกเข้าลำบาก

    อีโคคาร์ ดูจากภายนอก เรื่องขนาด ที่ขนาดภายนอกไม่ใช่รถใหญ่โตอะไร และดูวัสดุ ตัวต้นแบบอาจจะทำใจชอบลำบาก หรือบางคนอาจจะต้องทำใจเพื่อยอมรับมัน แต่เชื่อว่าทางด้าน สมรรถนะ และคุณภาพการขับ ความประหยัด ราคา น่าจะถูกใจคนที่รอคอยไม่น้อยทีเดียว

 

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก

จอมยุทธ