Mitsuoka Orochi สุดยอดรถสปอร์ต เจ้างูร้ายในตำนาน

Mitsuoka Orochi สุดยอดรถสปอร์ต เจ้างูร้ายในตำนาน

Mitsuoka Orochi สุดยอดรถสปอร์ต เจ้างูร้ายในตำนาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Mitsuoka Orochi ซุปเปอร์คาร์ ที่ได้รับคำนิยามว่า The Ugliest Super Car แต่ โอโรชิ ก็ยังได้รับรางวัล Sport Car of the Year ประจำปี 2006-2007 จาก Consumer’s Choice Award รวมถึงรับรางวัล Special Prize จาก Carview Car พวกเรา thaispeedcar มาติดตามกันว่า นอกจากรูปร่างหน้าตาภายนอกที่แปลกประหลาดแล้ว โอโรชิ ยังมีดีอย่างไรที่ซ่อนอยู่

Mitsuoka Motor

บริษัท มิตซูโอกะ มอเตอร์ ก่อตั้งโดยโดยนาย ซูซูมุ มิตซูโอกะ (Susumu Mitsuoka) ซึ่งได้เปิดดำเนินงานมากว่า 20 ปี เริ่มต้นจากบริษัทขายรถยนต์มือสองราวกลางปี 1968 จนต่อมาในปี 1982 จึงได้คิดที่จะดัดแปลงรถยนต์จากท้องตลาดขึ้นมา ให้มีความแตกต่างไม่เหมือนใครในสไตล์แบบย้อนยุค ซึ่งรถแต่ละคันจะมีเอกลักษณ์พิเศษตามการออกแบบของบริษัท และตามแต่ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้รถยนต์มีความพิเศษแตกต่างไม่เหมือนใครแบบคันเดียวในโลก โดยผลงานจะเป็นแบบ Hand Made ทั้งหมด แล้วส่งขายภายใต้แบนของตนเองนาม Mitsuoka Motor ซึ่งมีผลงานในการผลิตรถของตนเองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 คัน

 

Orichi หมายถึง งูพิษยักษ์ ซึ่งเป็นนิยายปรัมปราถึงอสรพิษยักษ์ในตำนานโบราณของญี่ปุ่นอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงบัลดาลใจในการสร้าง มิตซูโอกะ โอโรชิ ขึ้นมา โดยมีคำจำกัดความคือ ความลึกลับ และเพื่อให้มีจุดประสงค์คือ ความน่าเกรงขาม

 

Mitsuoka Orichi 2001 Concept Model

เริ่มแรกจากแรงบันดาลใจของบริษัท ที่จะสร้างรถยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาเหนือจินตนาการ รถต้นแบบถูกจัดสร้างขึ้นในปี 2001 โดยมีโครงร่างพื้นฐานมาจากซุปเปอร์คาร์เครื่องกลางลำ Honda NSX มาทำการแกะเปลือกลอกเหลือแต่ Chassis แล้วทำการสร้างกระดองสวมเข้าไปใหม่ตามแบบใน Model ออกมาแสดงโชว์ครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show ปี 2001 ซึ่งได้เป็นการสร้างเสียงฮือฮาให้แก่ผู้ชม และสื่อมวลชนทั่วโลก

Orochi New Version 2005

ในปี 2005 Mitsuoka ได้ทำการปลุกวิญาณเจ้างูร้ายขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ได้นำ Hond NSX มาดัดแปลงเหมือนตัวปี 2001 แต่โครงสร้างของรถยนต์ถูกสร้างเองขึ้นมาใหม่ทั้งคัน นอกจากนี้ยังได้โชว์ผลงานใหม่ภายใต้ชื่อ "Mitsuoka Orochi Nude Top" เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่ไม่มีหลังคา แต่ผลงานนี้ก็เป็นได้เพียง Concept Car เท่านั้น โดยในปีต่อมาโอโรชิ ก็ได้วางแผนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายจริง ภายใต้แบนด์ Mitsuoka บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่ง ซึ่งไม่น้อยหน้าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายใหญ่ๆในเกาะญี่ปุ่น

ภายนอกดีไซน์ตามตำนาน

โอโรชิ มีความเด่นด้านการออกแบบภายนอก เริ่มต้นจาการใช้ไฟหน้าทรงรี แบบมัลติรีเฟคเตอร์ทั้ง 4 ดวง หรือที่เรียกว่า Eye Sneak (ตางู) กระจังหน้าขนาดเล็กคล้ายปากของงู กันชนหน้าลาดต่ำรูปตัววี แม้ว่าด้านหน้าจะมีรูปร่างหน้าตาออกประหลาด แต่กลับให้ผลทางด้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม ฝากระโปรงหน้าเจาะรูระบายอากาศ เรียงกันคล้ายกับผิวหนังของสิ่งมีชีวิต แต่ให้ผลด้านการระบายความร้อนจากหม้อน้ำ ที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงหน้าลาดยาวจนถึงกระจกหน้าที่ลาดต่ำ ให้ผลด้านการลดแรงเสียดทานอากาศได้เป็นอย่างมาก ประตูเปิดแบบปีกนกถูกออกแบบให้มีส่วนโค้งเว้า รับกับบั้นท้าย ครีบดักอากาศเพื่อระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ด้านข้าง จนถึงฝากระโปรงท้ายที่มีช่องระบายอากาศตามไสตล์รถซุปเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางลำ ท้ายรถออกแบบได้ลงตัว ไฟท้ายรูปทรงรีทั้ง 4 ดวง กระจังระบายอากาศท้ายรถ เรียกว่าจะมองจากด้านไหนของรถ ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน

โครงสร้าง Space Frame

โครงสร้างของ โอโรชิ ถูกสร้างเองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยยึดพื้นฐานจากรถแข่ง โครงสร้างแบบ Space Frame แบบพิเศษ น้ำหนักเบา และแข็งแรง สร้างจากเหล็กถึง 4 ไซต์ที่ต่างกัน ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายที่สุดของทีม วิศวกรผู้ออกแบบ โอริชิ ในที่จะหาความลงตัวระหว่างโครงสร้าง เพื่อให้รองรับกับบอดี้แบบงูตามคนเซป และต้องใช้เวลามากทีเดียว ดังนั้นการสร้างแซสซี จะถูกคำนวณ และออกแบบ หลายต่อหลายครั้ง จนได้ตัวถังที่ดีเลศ เพื่อการขับขี่ควบคุมรถได้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

เครื่องยนต์ Toyota 3MZ-FE ช่วงล่าง Double Wishbone

ส่วนเครื่องยนต์ใช้ของ Toyota เฉกเช่นเดียวกับ Toyota CAMRY ถูกจับหันมาวางกลางลำของ โอโรชิแบบ Mid Engine ในรหัส 3MZ-FE ขนาด 3,300 ซีซี V6 ให้กำลังงานสูงสุดที่ 233 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 33.4 กก.-. ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งผ่านกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 เกียร์ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างแบบดับเบิ้ลวิชโบนหน้า และหลัง วางอยู่ภายใต้พื้นฐานตัวถังขนาดความยาว 4,560 .. กว้าง 2,035 .. ความสูงจากพื้นเพียง 1,180 .. ล้ออัลลอยขอบ 18 ทำให้มีน้ำหนักตัวรวมทั้งสิ้น 1,580 กิโลกรัม แต่ก็ไม่ได้สร้างความอืดอาดให้แก่ โอโรชิ แต่ประการใด ด้วยอัตราเร่ง 0- 100 กิโลเมตร เพียง 4 วินาที ส่วนความเร็วตีนปลาย ไหลยาวได้กว่า 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนลูกค้าท่านใดยังไม่พอใจความแรง ทางมิตซูโอกะ ก็ยังมีบริการ แต่งเติมเสริมพลังของเครื่องยนต์ตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย

ความปลอดภัยของ Orochi

โอริชิ ได้ใช้ท่อเหล็กมาทำเป็นโรลบาร์ แม้จะไม่มีความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ในยามเกิดอุบัติเหตุ โรลบาร์นี้จะหยุดยั้งการยุบตัวได้เป็นอย่างดี หรือแม้ถ้าเกิดการชนอย่างแรง โครงสร้างของโอริชิ จะสามารถยุบตัวได้ เพื่อเป็นการกระจายแรงกระแทกได้เป็นอย่างมาก จนโครงสร้างของรถไม่สามารถยุบตัวมาถึงผู้ขับขี่ได้ ดังนั้นโอริชิ จึงมีทั้งความแข็งแรง และความปลอดภัยสูงสุด

Mitsuoka Orochi in Thailand

Mitsuoka Orochi ที่มาจัดแสดงในงาน Motor Show 2008 เป็นผลงานของบริษัท ยนตกิจมอเตอร์เซล ซึ่งนำเข้ามาชิมลาง มีเป้าหมายเพื่อยั่วน้ำลายเหล่าเศรษฐีที่คลั่งไคล้รถสปอร์ทหน้าตาไม่เหมือนใคร โดยถูกตั้งราคาจับจอง รวมภาษีแล้วที่ 11.9 ล้านบาท ไม่ถูกเลยกับผลงานทำมือแบบ Hand Made เกือบทั้งคัน แต่ข่าวแว่วๆว่าในงานก็มีเศรษฐีไทยจับจองเป็นเจ้าของไปแล้วกว่า 13 ลำแล้ว

ซึ่งข่าวซ่าล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ทางบริษัท ยนตกิจ ได้จับมือร่วมกับ บริษัท มิตซูโอกะ ประเทษญี่ปุ่น วางแผนที่จะมาก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการสร้างรถอยู่ 2 รุ่นคือ โอโรชิ และ กาลู รถยนต์ซีดานหรูอีกรุ่นหนึ่ง คาดว่าในไม่นานจะได้เห็น เจ้างูร้าย ผลงานคนไทยอย่างแน่นอน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook