Nissan GT-R 2011 เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มราคา

Nissan GT-R 2011 เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มราคา

Nissan GT-R 2011 เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ค่ายยานยนต์แห่งญี่ปุ่นนำซูเปอร์คาร์ตระกูลท็อปมาปัดฝุ่นที่เริ่มเกาะเล็กน้อย โดยพัฒนากันสะเทือนเพิ่มความนุ่มนวล ลดอัตราปล่อยไอเสีย และปรับปรุงระบบนำทางพร้อมชุดให้ความบันเทิง ก่อนจะติดป้าย New Nissan GT-R ขายราคาเท่าเดิม

 

นิสสันนำ GT-R โมเดล R35 รุ่นแรก จำหน่ายแทน Skyline GT-R โมเดล R34 ที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2007 ก่อนจะทยอยจำหน่ายในตลาดสำคัญทั่วโลก โดยเข้าไปเจาะตลาดยุโรปแข่งกับ Porsche 911 Turbo ช่วงต้นปีนี้

 

จากยอดขายเฉพาะในยุโรปกว่า 1,600 คัน ถือว่าซูเปอร์คาร์รุ่นนี้โลดแล่นไปบนเส้นทางการตลาดได้อย่างโดดเด่น ค่ายยานยนต์แห่งญี่ปุ่นจึงสนองความต้องการแฟนคลับด้วยการพัฒนารุ่นใหม่รุ่น นี้ซึ่งยังเป็นโมเดล R35 ออกมาเสริมตลาด


ยกระดับเทคโนโลยี

สำหรับพัฒนาการโฉมภายนอก มีเพียงการเคลือบแลกเกอร์ 2 ชั้น ที่กันชนหน้าและหลังเท่านั้น ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะการใช้สี Metal metallic ที่กรอบของเกจ

 

ระบบนำทาง ชุดให้ความบันเทิง และระบบสื่อสาร เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม โดยระบบนำทางซึ่งมีระบบบันเทิงในตัวใช้ Hard Disk Drive ขนาด 40GB รองรับแผนที่ทางหลวง และห้องสมุดเพลงที่สามารถบันทึกซีดีเพลงได้มากถึง 300 แผ่น จอภาพใหม่ขนาด 7 นิ้ว มีความคมชัดกว่ารุ่นเก่า 4 เท่า ระบบจอแบบทัชสกรีน ใช้ง่ายและปลอดภัย

ซอฟต์แวร์ส่วนหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรุ่นจำหน่ายตลาดยุโรป คือภาษาที่ปรากฏบนจอมีด้วยกัน 8 ภาษา ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาลี โปรตุเกส ดัตช์ และรัสเซีย และมีระบบจำเสียง (Voice recognition) ทั้ง 8 ภาษาด้วย นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี Bluetooth สำหรับใช้โทรศัพท์ และพอร์ทของ iPod/USB ควบคุมผ่านจอทัชสกรีนและปุ่มที่พวงมาลัย การพัฒนาสำคัญอีกอย่างภายในห้องโดยสาร คือการเพิ่มฉนวนลดระดับเสียงรบกวนบริเวณเบาะหลัง ช่วยให้การนั่งโดยสารมีบรรยากาศเงียบสบายขึ้น

 

ปรับปรุงช่วงล่าง

 

การเพิ่มคุณภาพความสุนทรีย์ในการนั่งโดยสาร ได้แก่การพัฒนากันสะเทือนใหม่ มีระดับความนุ่มนวลและเรียบเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน นิสสันระบุว่าซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ยังคงความปราดเปรียวไม่แตกต่างจากเดิม

ส่วนของกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาใหม่ คือช็อกแอบฯ และสปริงส่วนหน้า โดยเพิ่มอัตราควบคุมจังหวะการทำงานของกันสะเทือนให้แม่นยำมากขึ้น และเพิ่มความแน่นแข็งแกร่งบูชชิ่งของ Radius rod ที่กันสะเทือนหลัง ช่วยให้การสนองตอบในจังหวะเข้าโค้งดีขึ้น ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ส่งกำลังสู่ล้อหลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เบรกมีประสิทธิภาพสูง

 

ชุดกระจายทิศทางลมคาร์บอนไฟเบอร์ใต้พื้น เปลี่ยนมาใช้ชุดประสิทธิภาพสูงชุดเดียวกับ รุ่นท็อป GT-R Spec V พร้อมช่องดักอากาศ ช่วยให้การระบายอากาศท่อไอเสียและเกียร์บ๊อกซ์ดีขึ้น

ในส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมโดยใช้ระบบกรองไอเสียใหม่ ช่วยให้การสนองตอบของเครื่องยนต์ในรอบต่ำถึงกลางดีขึ้น อีกทั้งสามารถลดอัตราปล่อยไอเสียลงได้ 3 กรัม ไปอยู่ที่ 295 ./กม. ผ่านเกณฑ์ควบคุม Euro 5 ที่เข้มงวดของสหภาพยุโรป

 

ขุมพลังเดิม

 

ในส่วนของขุมพลัง นอกจากที่ระบุแล้วไม่มีการปรับปรุงส่วนอื่นเพิ่มเติม โดยยกชุดมาจากรุ่นเก่า เป็นเครื่อง V6 ทวินเทอร์โบ DOHC 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร รหัส VR38DETT ทำจากอะลูมิเนียม เป็นญาติห่าง ๆ กับเครื่องยนต์ตระกูล VQ ที่ใช้ใน 350Z และ Infiniti G37

อากิระ นาไง วิศวกรนิสสันที่ญี่ปุ่น เปิดเผยว่าเหตุผลที่เปลี่ยนขุมพลังจากเครื่อง 6 สูบ แถวเรียง รหัส RB26DETT ขนาด 2.6 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องของ Skyline โมเดล R34 เนื่องจากเครื่อง RB26DETT ไม่ผ่านเกณฑ์บังคับด้านอัตราก่อมลภาวะของญี่ปุ่น

 

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง คือต้องการให้ซูเปอร์คูเป้รุ่นนี้มีสมรรถนะก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ โดยรีดกำลังได้สูงสุด 485 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที ขณะที่ Skyline R34 ทำได้ 320 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุด 434 ปอนด์-ฟุต เรียกได้ระหว่าง 3,200-5,200 รอบ/นาที เรดไลน์อยู่ที่ 7,000 รอบ/นาที ขุมพลัง V6 รุ่นนี้ ดำเนินการผลิตและประกอบด้วยมือของช่างผู้ชำนาญทุกขั้นตอน ที่โรงงานของนิสสันในญี่ปุ่น

เกียร์ไฮเทค

ระบบเกียร์ ซูเปอร์คูเป้รุ่นนี้ใช้เกียร์ไฮเทคทวินคลัตช์ชนิดเพลารวม 6 สปีด รหัส GR6 พัฒนาใหม่ทั้งชุด แตกต่างจากระบบเกียร์ของ Skyline ด้วยเหตุผลประการหนึ่งคือ ต้องการกระจายน้ำหนักให้มีดุลยภาพมากขึ้น

 

ระบบเกียร์ GR6 มีเพลากลางทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ 2 เพลา เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนและสูญเสียกำลัง โดยเพลาหนึ่งทำหน้าที่ดึงแรงบิดจากเพลาร่วมด้านหลังส่งไปยังเฟืองหน้า และอีกเพลาหนึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์กับเพลาร่วม

ทีมงานนิสสันพัฒนาเกียร์ชุดนี้ด้วยตัวเอง และมีทีมงาน Nismo คอยช่วยเหนือบางส่วน เปลี่ยนระดับเกียร์รวดเร็วเพียง 0.2 วินาที มีแพดเดิลเกียร์ชิฟต์ที่พวงมาลัย และทำงานคล้ายกับระบบเกียร์ DSG ของโฟล์คสวาเกน โดยมีโหมดกึ่งธรรมดาและโหมดอัตโนมัติให้เลือก ส่วนระบบขับเคลื่อน เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นิสสันระบุว่าเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพลาร่วมอิสระชุดแร็คของนิสสัน


เจ้าความเร็วระดับโลก

ในด้านสมรรถนะฝีเท้า นิสสันระบุข้อมูลไว้ว่าเร่งจาก 0-97 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาที และความเร็วได้สูงสุด 312 กม./ชม. และด้วยเป้าหมายชิงเจ้ายุทธจักรความเร็วกับ Porsche 911 Turbo ทีมงานนิสสันจึงนำ GT-R ไปพิสูจน์ฝีเท้าที่สนามนูร์เบิร์กริง เยอรมนี สังเวียนอันดับ 1 ที่ได้รับการยอมรับจากวงการยานยนต์โลก 911 Turbo เคยประกาศศักดาไว้ด้วยการพิชิต 1 รอบสนาม ระยะทาง 20.832 กม. 7 นาที 48 วินาที ก่อนที่รุ่นล่าสุดกำหนดจำหน่ายในยุโรปเดือนพฤศจิกายนนี้ จะทำสถิติใหม่ด้วยเวลา 7 นาที 38 วินาที

 

ส่วนนิสสันทดสอบ GT-R ครั้งแรก เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007 ระบุว่าสามารถทำเวลาได้ 7 นาที 38 วินาที ก่อนจะสร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการทำสถิติใหม่ 7 นาที 29 วินาที เมื่อเดือน เมษายน ปี 2008 ทีมงานปอร์เช่ที่สงสัยสถิติตามที่นิสสันประกาศ ได้ลงทุนซื้อ GT-R ไปทดสอบด้วยตนเอง และระบุว่า GT-R ทำเวลาได้ 7 นาที 54 วินาที

สื่อมวลชนบางค่ายที่มีโอกาสทดลอง GT-R ที่นูร์เบิร์กริง เช่น ทีมงานนิตยสาร Sport Auto ของเยอรมนี ระบุว่าทำเวลาได้ดีที่สุดที่ 7 นาที 38 วินาที และทีมงาน Drivers Republic แห่งอังกฤษ ทำได้ 7 นาที 55 วินาที แม้ผลการทดลองจะแตกต่างกันไป แต่สื่อต่างประเทศส่วนใหญ่ยกให้ GT-R เป็นซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่มีความเร็วอันดับต้น ๆ ของโลก

 

ประเดิมที่ญี่ปุ่น

ความสำเร็จด้านการตลาด เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันถึงคุณภาพของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ว่าเป็นของจริงไม่ใช่หนักโฆษณา ก่อนจะทำยอดขายได้อย่างโดดเด่น GT-R ได้ล่ารางวัลยอดเยี่ยมมารับรองคุณภาพกว่า 50 รางวัล เช่น รางวัล Car of the Year 2007-2008 (ญี่ปุ่น) Top Gear Supercar of the Year (อังกฤษ) What Car? Performance Car of the Year (อังกฤษ) Motor Trend Car of the Year (สหรัฐ) และ International Car of the Year (สหรัฐ) เป็นต้น ข้อมูลดังล่าว เป็นส่วนหนึ่งที่นิสสัน “ปัดฝุ่น” รุ่นนี้ให้ดูสะอาด มีคุณภาพด้านการนั่งโดยสารมากขึ้น โดยไม่กังวลถึงเรื่องพละกำลังและฝีเท้า

นด้านการตลาด นิสสันกำหนดจำหน่าย New GT-R ประเดิมที่ญี่ปุ่น วันที่ 7 ธันวาคมนี้ ขณะที่ตลาดสำคัญทั่วโลกจะได้ยลโฉมรุ่นนี้ต้นปีหน้า (ในสหรัฐจำหน่ายเป็นรถรหัสปี 2011) กลยุทธ์การตลาดยั่วใจแฟนคลับอีกอย่างที่นิสสันนำเสนอคือ แม้จะยกระดับคุณภาพแต่ไม่เพิ่มราคา โดยขึ้นป้ายราคาเริ่มต้นรุ่นมาตรฐานไว้ในญี่ปุ่น (รวมภาษี) ที่ 8,610,000 เยน (ประมาณ 3.19 ล้านบาท) รุ่น GT-R Black edition 8,820,000 เยน (3.27 ล้านบาท) รุ่น GT-R Premium edition 9,240,000 เยน (3.42 ล้านบาท) และรุ่นท็อป GT-R SpecV 15,750,000 เยน (5.83 ล้านบาท)

 

 

 

 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ Nissan GT-R 2011 เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มราคา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook