เจาะลึกศึกเก๋งคอมแพ็ค โค้งสุดท้ายปีนี้ รุ่นไหนน่าซื้อ

เจาะลึกศึกเก๋งคอมแพ็ค โค้งสุดท้ายปีนี้ รุ่นไหนน่าซื้อ

เจาะลึกศึกเก๋งคอมแพ็ค โค้งสุดท้ายปีนี้ รุ่นไหนน่าซื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอันขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียวสำหรับตลาดรถเก๋งคอมแพ็คที่ดูจะหลุดล่วงลงไปหลังจากกลุ่มซิตี้คาร์ที่ซื้อง่ายขายคล่อง กลับกระเตื้องขึ้นมาและมีแววว่าในไม่ช้าอาจจะแซงหน้า กลุ่มรถเก๋ง ในอนาคต

นี่จึงเป้นสาเหตุหลักที่ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์แทบทุกยี่ห้อออกมาตีปีกผับๆ กระตุ้นยอดขายให้หมดโมเดลก่อนที่จะทำการเปลี่ยนโมในปีหน้า ซึ่งโดยมากมักจะมีการเปลี่ยนโมเดลเชนจ์ทุกๆ 5 ปี

 

โตโยต้า โคโรลล่าจะให้ดี ต้องซื้อรุ่น 2.0

แม้ต้องพูดกันตรงๆว่า การกลับมาในเจนเนอร์เรชั่นที่ 2 ของโตโยต้าอัลติสนั้นค่อนข้างผิดหวังอย่างมากหลังจากการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ก็กลับกลายเป็นว่าในศึก 5 ปีที่ผ่านมา โตโยต้ากลับพ่ายคู่แข่งอย่างไม่น่าให้อภัยด้วยรูปลักษณ์ที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิมเลย ทำให้หลายคนกลับไปมองรถยนต์รุ่นอื่นๆที่แม้จะต้องยอมรับว่ามีราคาสุงกว่า แต่ก็ให้ความสวยงามและคุ้มค่าดีกว่าของค่ายสามห่วง

โค้งสุดท้ายในปี 2010 ที่ยังเหลือให้ลูกค้ามีโอกาสจับจองได้ ก่อนที่จะต้องเข้าสู่ช่วงงานเทกระจาดในมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปี โตโยต้าได้วางหมากเกมการตลาดเรียกลูกค้าด้วยการเพิ่มสมรรถนะในทุกด้าน ทั้งโครงสร้างตัวถังที่มีการเพิ่มชุดแต่งแบบใหม่ ไปจนถึงเครื่องยนต์ที่เรียกมาครบองค์ 1.6 1.8 และ2.0ซึ่งมาพร้อมหมัดเด็ดดูออล vvti ออกมา ก่อนจับมาร้อยน๊อตคู่กับระบบเกียร์แบบใหม่ ที่เพิ่มจังหวะให้สะใจมากขึ้น กับ 6 สปีดเกียร์ธรรมดา และ 7 สปีด เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งนับว่าสร้างแรงดึงดูมหาศาลให้กับลูกค้าไม่น้อย

การเทหมดหน้าตักในครั้งนี้นับว่าเป็นการส่งสัญญาณชักธงรบป้องกันตำแหน่งแชมป์รถนั่งอย่างจริงจัง หลังโดนแบ่งชิ้นเค้กไปมาก จนลูกค้าทยอยหนีหายกันไปหมด

แม้โตโยต้าจะเดินเกมรุกมากขนาดลั่นกลองรบกับคุ่แข่งอย่างเห้นด้วยการเสริมจุดอ่อนของโปรดักส์ใหม่หมดจด ทว่าโตโยต้าอัลติส เวอร์ชั่น 2010 นี้ ก็กลับมาตายน้ำตื้นที่คุณสมบัติและราคาที่ตั้งออกมา ซึ่งหลังจากดูใบราคาและออพชั่นแล้ว กลายเป็นว่าจะเอาให้ดีต้องซื้อรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ซึ่งได้เทคโนโลยีมาอย่างครบครัน ทั้งจากรุ่นพี่คัมรี่ที่ถ่ายมอดในสายเลือดขุมพลัง และของเดิมที่มีอยู่แล้ว ทำให้อัลติส 2.0 กลายเป้นรถที่มีความแข้งแกร่งในสมรรถนะอย่างมาก แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่ทะลุถึง 6 หลักกันเลยทีเดียว

 

มาสด้า 3 มีดีที่หน้าตา ส่วนราคาพอรับได้

 

ความจริงแล้วศึกเก๋งคอมแพ็คโค้งสุดท้ายนี้ชนวนที่เป้นประกายให้ตลาดกลุ่มนนี้เริ่มปะทุก็มาจากการเปิดตัว มาสด้า 3 โฉมใหม่ ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย

การออกตัวมาสด้า 3 ไมเนอร์เชนจ์โฉม 2010 ถือว่าเป็นการลูบหน้าทาปากครั้งสุดท้ายแล้ว หากเป็นไปตามคาดก่อนที่ในปีหน้าคาดว่าทางมาสด้าจะมีการเปลี่ยนแปลงในโมเดลมาสด้า 3 ซึ่งจะมีโฉมแบบไหน ทางเราบอกใบ้เล็กๆ ให้ว่าหน้าตาเหมือนมาสด้า 2 ในแบบมาสด้า 3 ยังไงรอลุ้นกันเอง

มาสด้า 3 ในเวอร์ชั่นสุดท้ายนี้จุดเด่นของการเปลี่ยนแปลงนั้นมาสด้าได้วางหมากเน้นไปที่ความสวยงามในความโฉบเฉี่ยวมากกว่าการปรับแต่งสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งมาสด้า 3 2010 นี้ถูกปรับรูปลักษณ์กันอย่างถึงกึ๋น ตั้งแต่โคมไฟหน้า ที่เปลี่ยนแปลงใหม่ กันชนหน้า-หลัง และไฟท้าย

ในห้องโดยสารนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อย ด้วยโทนการตบแต่งที่ออกไปในแนวสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และมองเผินๆอาจนึกถึงมาสด้าสปีด 3 สปอร์ตตัวแรง ซึ่งมีการแชร์โครงสร้างตัวถังกับตัว 5 ประตู


ทั้งนี้แม้แนวทางการปรับโฉมมาสด้าที่ไม่ได้มากมายนักแต่มันก็เป็นที่พอใจของคนส่วนใหญ่ เมื่อการปรับโฉมในทุกรุ่นที่เปิดออกมากลับพบว่ามาสด้าแทบไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เพียงแต่เป้นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้เท่าเทียมคุ่แข่ง

 

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ใหม่ มีดีที่เติม อี 85

 

แม้ว่าจะเป็นรถโฉมใหม่ แต่ต้องยอมรับว่า รถเก๋งจากค่ายมิตซูบิชินั้น กลายเป็นรถที่หลายคนมองข้ามหลังจากการประกาศราคาที่เริ่มต้นที่ระดับ 8 แสน ทำให้ลูกค้าที่เฝ้ารอต่างถอยฉากกลับมาคิดถึงความคุ้มค่าอีกครั้ง

การกลับมาของแลนเซอร์ อีกหนึ่งเจ้าตำนานรถเก๋งในเมืองไทยนั้น ที่ต่อสู้เรียกว่าห้ำหั่นกับคู่แข่งอย่างฮอนด้าและโตโยต้ามานานนั้นกลับมาพ่ายเอาดื้อๆในสมัยแลนเซอร์ ซีเดีย แม้จะมีความพยายามในการทั้งเคาะ ทั้งกระทุ้งยอดขาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจดสุดท้ายสร้างกระแสแปะก๊าซ CNG ออกจากโรงงานทำให้ยอดขายเพิ่มมาบ้างแต่ก็ไม่มากมายนัก


หมากเกมนี้ของมิตซูบิชิ จึงเริ่มปฐมบทใหม่ด้วยการเปิดตัวเก๋งคอมแพ็ครุ่นใหม่ โดยในการกลับมาครั้งนี้ก็เป็นไปตามคาดที่มันต้องเป็น รถเก๋งรุ่นใหม่ถอดด้าม ที่มีดีไซนืล้ำสมัยแตกต่างอย่าง LANCER EX ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้รถรุ่นนี้ถูกจัดวางไว้ออกแนวจะผิดกลุ่มไปสักนิด เพราะในโฉมนี้มันกลายเป็นรถเก๋งคอมแพ็ค ไฮเอนด์ไปเสียอย่างงั้น

การวางแผนการตลาดให้มันเป็นรถยนต์คอมแพ็คระดับสูงเมื่อบวกกับราคา ทำให้กลายเป็นว่า แลนเซอร์รุ่นนี้อาจจะแพ้ตั้งแต่อยุ่ในมุ้ง ด้วยราคาที่ต่างจากคู่แข่งมากเกินไป และตัวเลือกที่มีเพียง 4 รุ่น ทั้งหมดนั้นเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร 3 รุ่น และรุ่นท็อปเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร รหัส 4B11 ทำให้ยังไม่โดนใจกลุ่มลูกค้ามากนัก


อย่างไรก็ตามแลนเซอร์ใหม่นั้นมีข้อแตกต่างและข้อดีอยู่เหนือคู่แข่งในกลุ่มตลาดรถนั่งประเทศญี่ปุ่นประการหนึ่ง เมื่อเครื่องยนต์ขนาด 1.8 สามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ ซึ่งนับว่าเป็ความพยายามครั้งสำคัญของมิตซูบิชิ ในเรื่องพลังงานทางเลือก แต่นั่นหมายความว่า คุณต้องยอมเสียตังเพิ่มขึ้น และแถวๆบ้านต้องมีปั้นน้ำมัน อี 85 ที่เฉลี่ยนลิตรละเพียง 16 บาท ถึงจะคุ้ม


นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถยนตืในกลุ่มรถเก๋งคอมแพ็คหรือรถขนาดเล็กที่มีการขยับเปลี่ยนแปลงช่วงโค้งสุดท้ายสิ้นปี ทว่ายังมีอีกหลายค่ายที่ยังอุบไม่บอกหมัดเด็ด ซึ่งเราจะติดตามมาเสนอ ต่อไป

 

 

Sanook! Auto Comment

 

ตลาดรถเก่งในปลายปีนี้จัดได้ว่าร้อนแรงพอตัวเลยที่เดียวหลังจากเริ่มหวดกันตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการออกปรับโฉมสมรรถนะในหลายๆรุ่นเป็นการบ่งบอกถึงการเตรียมตัวเปลี่ยนรูปโฉมในปีนี้หน้า ทว่าสงครามนี้ยังอีกยาวไกล เพราะค่ายยักษ์ใหญ่อีกหนึ่งเจ้า ยังไม่ออกมา

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook