ค่ายรถปรับกลยุทธ์จ่อทิ้ง "เก๋งเล็ก" มุ่งอีโคคาร์-เลี่ยง"กินตลาด"กันเอง

ค่ายรถปรับกลยุทธ์จ่อทิ้ง "เก๋งเล็ก" มุ่งอีโคคาร์-เลี่ยง"กินตลาด"กันเอง

ค่ายรถปรับกลยุทธ์จ่อทิ้ง "เก๋งเล็ก" มุ่งอีโคคาร์-เลี่ยง"กินตลาด"กันเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ค่ายรถปรับทิศทางทำตลาด จ้องทิ้งเก๋งเล็กหันลุยอีโคคาร์ เผยเลี่ยงกินตลาดกันเอง แถมยังได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพิ่ม ชี้คนไทยชื่นชอบรถไซซ์ใหญ่ หลังอีโคคาร์เฟส 1 พิสูจน์ให้เห็น ลูกค้าเลือกรถที่มีขนาดกว้างกว่า พร้อมฟันธงเชื่อตลาดปีนี้อีโคคาร์กลับมาเดือด

     แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมรถยนต์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทิศทางการทำตลาดรถยนต์ปี 2558 น่าจะปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เซ็กเมนต์ทำตลาดประกอบไปด้วย เอ-คาร์หรืออีโคคาร์, บี-คาร์หรือเก๋งเล็ก, ซี-คาร์หรือเก๋งขนาดกลาง และดี-คาร์หรือเก๋งไซซ์ใหญ่ คาดว่าจะลดเหลือเพียง 3 เซ็กเมนต์ โดยเซ็กเมนต์บี-คาร์น่าจะถูกกลืนด้วยเซ็กเมนต์อีโคคาร์เนื่องจากรถยนต์ใน 2 เซ็กเมนต์นี้ใกล้เคียงกันมาก และที่สำคัญคนไทยนิยมรถไซซ์ใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการเลือกผลิตอีโคคาร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับเซ็กเมนต์อีโคคาร์ยังได้สิทธิประโยชน์ด้านการเสียภาษีสรรพสามิตที่ ดีกว่า

     "เห็นได้ชัดว่าหลายค่ายปรับตัวกันชัดเจน ค่ายมาสด้าซึ่งเดิมใช้มาสด้า 2 ทำตลาดในเซ็กเมนต์เก๋งเล็ก ก็ขยับมากินส่วนแบ่งตลาดอีโคคาร์ ขณะที่ค่ายซึ่งไม่มีเก๋งเล็กก็พยายามยกระดับอีโคคาร์ให้เข้ามาอยู่ในเซ็กเมน ต์บี-คาร์มากขึ้น"

 

     นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มาสด้าเชื่อว่าการแข่งขันในตลาดอีโคคาร์และบี-คาร์ในปี 2558 จะรุนแรงและน่าสนใจมาก คาดว่า 2 เซ็กเมนต์นี้รวมกันน่าจะเติบโตขึ้นจากปี 2557 ราว ๆ 10% หรือมีจำนวนสูงถึง 200,000 คันต่อปี เนื่องจากรถยนต์ในกลุ่มนี้มีราคาขายเป็นตัวดึงดูด ซึ่งในปี 2558 มาสด้าพร้อมมาสด้า 2 เข้าสู่ตลาด ถือเป็นอีโคคาร์ระดับพรีเมี่ยม มีราคาขายไม่แตกต่างจากมาสด้า 2 รุ่นเดิมซึ่งเป็นบี-คาร์ โดยราคาจำหน่ายมาสด้า 2 รุ่นเริ่มต้นเป็นตัวท็อปของอีโคคาร์ และรุ่นสูงสุดถือเป็นตัวท็อปของกลุ่มบี-คาร์ มาสด้า 2 คือรถ 2 เซ็กเมนต์ทั้งบี-คาร์ และอีโคคาร์

 

     นายสมภพ ปฏิธานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า รถสองกลุ่มนี้ใกล้เคียงกันมาก คงต้องเพิ่มความชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าเลือกตามความต้องการและการใช้งานรวมถึง เงินในกระเป๋าด้วย และจะเห็นว่าเซ็กเมนต์บี-คาร์ทั้งฮอนด้าแจ๊ซและ ซิตี้ ระยะหลังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐาน ออปชั่นความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ฮอนด้าใส่เข้าไป ถือเป็นออปชั่นที่มาก กว่าบี-คาร์ทั่วไป

     "เราเชื่อว่าทั้ง 2 ตลาดระหว่างอีโคคาร์และบี-คาร์ จะมีความหลากหลายให้ลูกค้าเลือก ทำให้การแข่งขันในตลาดสนุกยิ่งขึ้น"

 

     เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์นั่งระหว่างกลุ่มบี-คาร์และอีโคคาร์ว่า ที่ผ่านมาทั้ง 2 ตลาดผลัดกันได้รับความนิยม แต่จากโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ทำให้มีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น อีโคคาร์มีโอกาสเติบโตสูงขึ้น โดยในปี 2557 ที่ผ่านมาอีโคคาร์มียอดขายเฉลี่ยรวม 9,000-10,000 คันต่อเดือน คาดว่าในปี 2558 นี้อีโคคาร์จะทำตลาดได้มากกว่าเดือนละ 10,000 คัน

     สำหรับมิตซูบิชิในปี 2557 ทั้งมิตซูบิชิ มิราจ และแอททราจ มีส่วนแบ่งตลาด 20% เป็นอันดับ 2 ซึ่งบริษัทมองว่าน่าพอใจเนื่องจากมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามา แต่ยังหวังว่าปี 2558 ส่วนแบ่งตลาดน่าจะเพิ่มมากขึ้น

 

     ขณะที่นางสาว ยุคลนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2558 กลุ่มอีโคคาร์น่าจะเป็นเซ็กเมนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดได้ดี เนื่องจากหลายค่ายทยอยเปิดตัวรถใหม่เพิ่มเติม คาดว่าเมื่อเริ่มต้นโครงการอีโคคาร์เฟส 2 เต็มรูปแบบจะทำให้ตลาดอีโคคาร์แข่งขันดุเดือดแน่นอนช่วยขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น

     สำหรับฟอร์ดวางแผนว่ารถยนต์ในโครงการอีโคคาร์เฟส 2 จะเริ่มทำตลาดปี 2560 จะมุ่งเน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์อีโคบูสต์ รวมถึงสมาร์ทฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในรถ

 

     แหล่งข่าวจากโตโยต้ากล่าวเพิ่มเติมว่า เซ็กเมนต์อีโคคาร์และบี-คาร์ใกล้เคียงกันมาก และกินตลาดกันเองพอสมควร แนวทางแก้ปัญหาคงต้องสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ค่ายไหนไม่มีกลุ่มเก๋งเล็กก็ใช้อีโคคาร์ทดแทน ส่วนค่ายไหนที่มีเก๋งเล็กอยู่ก็ต้องพยายามยกระดับ เก๋งเล็กด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ให้ขยับใกล้เก๋งขนาดกลาง เก๋งขนาดกลางก็ขยับเข้าใกล้เก๋งใหญ่ ไล่กันไปเป็นทอดๆ และจะเห็นว่า ระยะหลังโคโรลล่า อัลติส เก๋งขนาดกลางของโตโยต้ามีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น อาทิ ในรุ่น เอสสปอร์ต ที่มีออปชั่นการใช้งานไม่แพ้โตโยต้า คัมรี่

 

     เช่นเดียวกับนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า จากการเปลี่ยนแปลงอัตราโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2559 นั้น ทำให้อัตราภาษีอีโคคาร์จากเดิม 17% ลดลง หากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร ภาษีจะเหลือ 14% และสำหรับรุ่นที่รองรับการใช้งานน้ำมันอี 85 ลดลงอยู่ที่ 12%

     ส่วน กลุ่มบี-คาร์มีอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 30% นั้น รวมถึงค่ายรถยนต์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์เฟส 2 มีมากถึง 10 ราย ส่งผลให้อีโคคาร์ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งกว่า 50% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 30%

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook