เมอร์เซเดส-เบนซ์กังวลการเมือง ตั้งแผนสำรองรับมือศก.

เมอร์เซเดส-เบนซ์กังวลการเมือง ตั้งแผนสำรองรับมือศก.

เมอร์เซเดส-เบนซ์กังวลการเมือง ตั้งแผนสำรองรับมือศก.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ประมาทภาวะเศรษฐกิจ ชี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะการเมือง กำหนดแผนสำรองรับมือพร้อมเปิดตัวอี-คลาส ซีเคดี ราคา 4.9 ล้าน

เมอร์เซเดส-เบนซ์

ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ในปี 2553 แม้จะมีหลายคนมองว่าฟื้นตัว และมีอนาคตสดใสรออยู่ แต่ในมุมมองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เห็นว่า ยังอยู่ในภาวะที่ไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบหลายประการ โดยเฉพาะเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อวงกว้าง นอกจากนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในประเทศ เช่นการปิดสนามบิน ก็จะกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวและจะลุกลามไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไป

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบอื่นๆ ก็คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ยังคงผันผวน รวมถึงต้องดูถึงภาครัฐที่ปีนี้จำเป็นจะต้องหาเงินเข้ามาสำหรับใช้จ่าย หลังจากที่ปีที่ผ่านมาใช้งบประมาณไปจำนวนมากกับหลายๆ โครงการ

ประธานบริหาร กล่าวว่า มุมมองดังกล่าวทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ กำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ไว้ 2 แนวทาง (2 scenarios) เพื่อรับมือกับสถานการณ์เชิงลบ และพร้อมจะบุกหากทุกอย่างเป็นบวก

"เรามีแผนภายในที่เรียกว่า prepare for pain เป็นการเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์ไม่ดี"

โดยปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เริ่มจัดการกับสต็อกสินค้า และแล้วเสร็จแล้วในขณะนี้ทำให้การบริหารสต็อกง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงโรงงานประกอบก็ทำงานได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้สิ่งที่เมอร์เดส-เบนซ์ เตรียมการสำหรับแผนธุรกิจก็คือ การเพิ่มความใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น เนื่องจากในสภาวะที่เศรษฐกิจโลก และของไทยมีความอ่อนไหว จำเป็นที่บริษัทจะต้องได้รับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด และผู้ใกล้ชิดลูกค้ามากที่สุดก็คือ ตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ก็ยังเตรียมเพิ่มเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากขึ้น ในพื้นที่ที่ยังว่าง เช่น ช่วงระหว่าง เพชรบุรีถึงชุมพร หรือทางพื้นที่จังหวัดเชียงราย เป็นต้น

ด้าน นายอรุณ สมุทรสาร รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย กล่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะปรับปรุงงานบริการเช่นกัน โดยจะเพิ่มความละเอียดแม้แต่จุดเล็กๆ เช่น การทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รับรถ รวมไปถึงการใช้สรรพนามเรียกลูกค้า

นอกจากนี้ยังเห็นว่าปัจจุบันรถยนต์มีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นมาก จำเป็นที่พนักงานจะต้องตามให้ทัน เพื่อการให้บริการที่สมบูรณ์แบบ และตอบคำถามที่ลูกค้าบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจให้ได้ โดยจะจัดกิจกรรมการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องในปีนี้

ศาสตราจารย์ เพาฟเลอร์ กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์หรูหราในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับ 7,000-7,500 คัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งเป้าไว้ประมาณ 4,000 คัน มากกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 3,850 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 50% แต่อย่างไรก็ตาม พร้อมจะปรับตัวเลขเพิ่มขึ้น หรือลดลง ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

ทั้งนี้ล่าสุดเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถยนต์ใหม่ คือ E 300 AVANTGARDE ซึ่งประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 ราคา 4.99 ล้านบาท ก่อนที่จะทยอยเปิดรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ และดีเซล ตามมาในอนาคต

นอกจากนี้ก็มี S300L, S 350 CDI Blue EFFICIENCY L และ S 500 L ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากรุ่นเดิมที่จำหน่ายก่อนหน้านี้ ราคา 7.79-10.99 ล้านบาท

 

สนับสนุนเนื้อหา : www.bangkokbiznews.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook