CRAZY CRAHSES F1 เหตุที่ไม่น่าอุบัติ

CRAZY CRAHSES F1 เหตุที่ไม่น่าอุบัติ

CRAZY CRAHSES F1 เหตุที่ไม่น่าอุบัติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความเร็วเกินกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของรถแข่งสูตรหนึ่ง บนแทร็คกว้างไม่มากกว่า 10 เมตรจึงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่มันจะเกิดอุบัติเหตุแต่....เหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิด ซวยซ้ำซวยซ้อน! ในประวัติศาสตร์ของวงการความเร็วฟอร์มูล่าวัน บันทึกไว้ว่าจะไม่มีใครต้องเผชิญกับชะตากรรมโหดร้ายเท่ากับเขาคนนี้อีกแล้ว... ทากิ อีโนเวเป็นนักแข่งของทีมแอร์โรว์ในอดีต ซึ่งเพียรพยายามจะกรุยทางไปสู่ความใฝ่ฝันของตัวเองและทีม แต่ผลการแข่งของเขาอ่อนด้อยกว่าความล้มเหลว รถแข่งของเขาเสียหลักหมุนคว้างหลุดออกนอกแทร็คบ่อยครั้งกว่าการเข้าเส้นชัย เหตุการณ์เลวร้ายของเขา ซึ่งโดดเด่นกว่าใครอื่นจนต้องบันทึกไว้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995 หลังจากหมุนเคว้งคว้างบนแทร็คเพิ่มสถิติให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วจากการฝึกซ้อมในรายการโมนาโคกรังด์ปรีซ์ ทากิ อีโนเวนั่งอยู่ในรถแข่งซึ่งกำลังถูกลากเข้าพิท รถตรวจสภาพสนามแล่นมาด้วยความเร็าสูงพุ่งชนรถแข่งแล้วแล่นขึ้นไปเกยอยู่ด้านบน โชคดีที่เขาไม่ได้รับอันตรายมากมาย แม้จะแหงนหน้าขึ้นมาแล้วแลเห็นรถยนต์อยู่เหนือศีรษะ อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมากเกิด เหตุการณ์คล้ายคลึงกัน รถแข่งของเขามีเหตุขัดข้องต้องจอดข้างทาง ทากิก้าวออกมาจากรถแข่งในจังหวะเดียวกับที่รถกู้ภัยแล่นเข้ามาเสยเข้าอย่างจัง ซ้ำรอยเดิมของสองนักแข่ง.... ฝนไม่ตกแต่แทร็คเปียก! อัลเบอร์โต แอสคารี อดีตแชมป์โลกกรังด์ปรีซ์1952-1953 ต้องเปียกโชกไปทั้งตัวเมื่อรถแข่งของเขาหลุดจากแทร็คขณะที่เขากำลังไล่กวดตามสเตอร์ลิงมอสส์ ซึ่งกำลังนำหน้าในการแข่งรายการโมนาโค กรังด์ปรีซ์ 1955 แต่รถแข่งของเขาเสียหลักหลุดจากโค้งรูปตัว 'S' พุ่งทะลุแผงกั้นและแล่นเลยท่าเทียบเรือลงไปในน้ำ โชคดีที่แอสคารีไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ อีกสิบปี ต่อมา.... ค.ศ. 1965 พอล ฮอว์กินส์ก็แล่นทับประวัติศาสตร์ของอัลเบอร์โตแอสคารีในร ะหว่างการแข่งขั นโมนาโ คกรังด์ปรีซ์เช่นกัน นักแข่งทั้งสองคนนี้ไม่ได้เพียงแค่เปียกปอนจากการแข่งขันเหมือน ๆ กันเท่านั้น แต่ทั้งคู่ยังเจออุบัติเหตุร้ายแรงหลังเหตุการณ์นั้นเหมือนกันอีก แต่แอสคารีคงมีอาการขวัญผวามากกว่าเพราะเขาเจอมันหลังจากการแข่งโมนาโคกรังด์ปรีซ์ 1955 เพียงแค่สองวันเท่านั้น รถแข่งเอฟ-วันเจอแท็กซี่ ผล.... ตายเรียบ ดาวรุ่งฟอร์มูล่า-วันของอิตาลี.... อูเจนีโอแคสเตล็อตติต้องจบชีวิตลงเมื่อเจออุบัติเหตุเลวร้ายขณะกำลังขับรถแข่งเฟอร์รารี่ที่สนามทดสอบโมเดนาออโตโดรมเมื่อปี ค.ศ. 1957 ผองเพื่อนของได้สร้างรถแข่งเพื่อรำลึกถึงการจากไปของเขาและตั้ งชื่อให้มันว่า 'Scuderia Castelotti' รถนเข่งคันนี้สำเร็จเป็นรูปร่างและถูกขับทดสอบโดยจิาลีโอ คาเบียนกาในช่วงฤดูร้อนที่สมามโมเดนาเมื่อปี 1960 ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีจนถึงช่วงที่จะออกแล่นบนท้องถนนหลวง มันแล่นออกพ้นประตูรั้วของสนามก็เจอเข้ากับแท็กชี่... เป็นการเจอกันอย่างจัง จิวลีโอ คาเบียนกาเสียชีวิตพร้อม ๆ กับคนขับแท็กชี่เเละผู้โดยสารสองคน พยาบาลจ๋า..... ช่วยหมอด้วย! ศาสตราจารยน์ายแพทย์ ซิด วัทกินส์ เก็บตำนานส่วนตัวซึ่งผูกพันกับวงการฟอร์มูล่า-วันอย่างแน่นเหนียวและยาวนานจนกระทั่งถึงวันเกษียณเมื่อ ปี ค.ศ. 2005 เขาเป็นหมอซึ่งมีความกระตือรือร้นในการทำงาน และฝากผลงานไว้อย่างน่าประทับใจกับการได้ช่วยเหลือชีวิตนักแข่งหลายต่อหลายชีวิต แต่ชีวิตของเขา... เกือบจะไม่รอด ในช่วงฝึกซ้อมของรถแข่งในการแข่งรายการบราซีเลียนกรังด์ปรีช์ 2002 รถของหน่วยปฐมพยาบาลได้แล่นไปยังจุดที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย หมอซิดกำลังก้าวลงจากรถเพื่อไปดูแลนักแข่ง นิคไฮด์ฟีลด์ขับรถแข่งของเขาพุ่งเข้าชนประตูรถพยาบาล หมอซิดโชคดีที่รอดพ้นมาได้หวุดหวิดแต่ประตูรถพยาบาลหลุดกระเด็น เพิ่มช่องโหว่เป็นระบบระบายอากาศให้โดยไม่คาดคิด และไม่คาดฝันว่ามันจะได้ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากได้ ดับเบิลสแตนดาร์ด จากการฝึกซ้อมที่สนามไคย์ลามิก่อนการแข่งขันรายการเซาท์อัฟริกันกรังด์ปรีซ์ 1980 มาร์ค ซูเรอร์ต้องสังเวยกระดูกขาทั้งสองข้างให้กับอุบัติเหตุจากความผิดพลาดของตัวเอง แต่เขาก็รักษาตัวจนอาการกระดูกหักที่ขาทั้งสองข้างหายเป็นปกติ และกลับมาลงสังเวียนความ เร็วกรังด์ปรีช์ได้อีก ประวัติศาสตร์หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ในการฝึกซ้อมที่สนามแข่งแห่งเดิมของรายการเซาท์อัฟริกันกรังด์ปีรซ์ 1982 รถแข่งของเขาเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง และเขามีอาการบาดเจ็บกระดูกขาหักทั้งสองข้างอีกครั้ง และเช่นกัน เขาถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปส่งยังโรงพยาบาลที่เขาเคยไปเมื่อคราวก่อน... "ยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง....มาร์ค" เขาได้ยินเสียงทักทายกังวานใสจากนายแพทย์คนที่เคยรักษาเขา กรรสนองทันตาเห็น? ทอม ไพร้ซ์ นักแข่งชาวเวลส์กำลังได้รับการชื่นชมว่าจะเป็นแชมป์โลกในอนาคต ถ้าหากว่าเขาไม่โดนถังดับเพลิงขวางทางเดินของเขา ในการแข่งรายการเซาท์อัฟริกันกรังด์ปรีซ์ 1977 เขาสังกัดทีมชาโดว์ร่วมกับเรนโซ ซอร์ซีรถแข่งทีมชาโดว์ของซอร์ซีเกิดอุบัติเหตุที่บริเวณเส้นสตาร์ท ถังน้ำมันรั่วจนเกิดเพลิงลุกไหม้ พนักงานดับเพลิงช่วยกันดับจ้าละหวั่น และมันกำลังจะเรียบร้อยแล้ว มีพนักงานดับเพลิงอีกสองคนพร้อมเครื่องมือกระโดดข้ามรั้วออกมาเพี่อปฏิบัติหน้าที่ คนแรกวิ่งผ่านแทร็คไปยังฝั่งตรงข้ามได้ แต่... คนที่สอง เป็นเรื่องน่าอนาถใจที่เขาไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ของตัวเองได้ เช่นเดียวกับที่ทอมไพรซ์ก็มีหน้าที่พิฆาตความเร็วบนแทร็ค ไม่ใช่พิฆาตกรรมกลางสนาม และเขาเองก็ไม่ควรจะโดนบาปกรรมกระหน่ำซัดแบบทันตาเห็นอย่างนี้ พนักงานดับเพลิงคนที่สองเสียชีวิตด้วยน้ำมือของทอม ไพรซ์ แต่ถังดับเพลิงลอยกระเด็นเข้าไปฟาดใบหน้าของไพรซ์ คาดกันว่าไพรช์เสียชีวิตในทันที แต่ฝ่าเท้าของเขายังคงกดแป้นคันเร่ง รถแข่งสังกัดทีมชาโดว์จึงยังคงแล่นต่อไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็วเต็มพิกัดของมันก่อนจะหยุดอยู่ที่กำแพงริมแทร็คซึ่งถูกกระแทกยับเยิน คุ้มครองแค่ครึ่งเดียว ในช่วงปี ค.ศ. 1990 นักแข่งฟอร์มูล่า-วันรู้สึกว่าตัวเองได้รับการคุ้มกันอย่างดีจากการออกแบบค็อกพิทให้มีความแกร่งมากกว่าเดิม และสร้างด้วยวัสดุประเภทคาว์บอนไฟเบอร์ที่เชื่อกันว่าแกร่ง เหนียว และทนทานกว่าโครงโลหะใด ๆ มันคงคุ้มครองชีวิดให้รอดพ้นภยันตรายจากอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ร้ายแรงมากมายแบบพังยับเยินทั้งคัน เพื่อจะมาเป็นนักแข่งเสี่ยงกับความตายแบบเดิมอีก แต่มันก็ยังไม่สามารถจะปกป้องได้อย่างที่ทุกคนซึ่งเกี่ยวข้องต้องการ ในการแข่งรายการสแปนิชกรังด์ปรีซ์ 1990 ที่เมืองเจเรซ รถแข่งทีมโลตัสภายใต้การกุมพวงมาลัยของมาร์ติน โดเนลลีเกิดขัดข้องที่ระบบกันสะเทือน มันพุ่งเข้าหากำแพงข้างแทร็คด้วยความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงค็อกพิทที่เรียกกันว่า 'survival cell' แหลกกระจายกองอยู่ริมกำแพง ร่างของโดเนลลีถูกเหวี่ยงกระเด็นออกมานอนครวญครางอยู่บนแทร็ค รอให้หมอมาช่วยปฐมพยาบาล มาร์ติน โดเนลลีรอดตายมาจากอาการกระดูกหักและแตกทั่วร่าง 'survival cell' ปกป้องเขาได้ แต่เขาหมดอนาคดกับการเป็นนักแข่งฟอร์มูล่า-วัน ขาดแค่ธงตุง เหลืออีกเพียงแค่สัปดาห์เดียวก่อนการแข่งเยอรมันกรังด์ปรีซ์ 1980 ทีมอัลฟาโรมีโอจึงนำรถแข่งลงฝึกซ้อมที่สนามฮ็อคเกนไฮม์เพื่อความเคยชินของนักแข่งและตรวจสอบความพร้อมเครื่องยนต์และกลไกของรถแข่ง กรรมการของสนามแข่งคงคิดว่าเพราะมันเป็นเพียงแค่การฝึกซ้อม จึงไม่ได้เตรียมการนำระบบป้องกันภัยมาติดตั้งให้พร้อมรอบ ๆ แทร็คและริมบริเวณสนามแข่ง ไม่มียางล้อรถยนต์วางเรียงรายป้องกันรถแข่งกระแทกรั้วกั้นอย่างเป็นระเบียบ! มันเพียงกองสุมกันอยู่ข้างทางรอให้ใกล้ถึงเวลาการแข่งขันมากกว่านี้ แพทริค เดอเพลเลอร์ขับรถแข่งอัลฟาโรมีโอเสียหลัก มันพุ่งด้วยความเร็วสูงเข้าหารั้วซึ่งกั้นเป็นตามแนวแทร็ค นักแข่งชาวฝรั่งเศสผู้นี้เสียชีวิตในทันที ถึงเวลาการแข่งขันในอีกอาทิตย์ถัดมาระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งอย่างพร้อมพรั่งและเป็นระเบียบเรียบร้อย.....และมันแซมไว้ด้วยช่อดอกไม้และพวงหรีดตรงจุดที่รถแข่งทีมอัลฟาโรมีโอนำวิญญาณของนักแข่งมาฝากฝังไว้ที่นี่ไม่รู้ว่าพิธีกรรมนี้เลียนแบบริมทางหลวงของไทยหรือเปล่า? วัวหายล้อมคอก ช่างเจ็บล้อมรั้ว เบลเยี่ยมกรังด์ปรีซ์ 1980 ที่สนามในเมืองโชลเดอร์เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดโกลาหลกันพักใหญ่เมื่อรถแข่งของคาร์ลอส รอยเตอมานน์ พุ่งเข้าชนช่างดูแลรถแข่งจนเสียชีวิตบนเส้นทางหน้าพิท ในขณะที่นักแข่งเกือบทั้งหมดกำลังประท้วงกรรมการดำเนินการแข่งขันเรื่องการรักษาความปลอดภัยในสนามแข่ง โดยเฉพาะบริเวณพิทและเส้นสตาร์ท ซึ่งต้องมีช่างประจำทีมป้วนเปี้ยนอยู่ที่นั่นหลายสิบคน และเมื่อรถแข่งทั้งหมดจอดรอสัญญาณที่เส้นสตาร์ท รถแข่งของริคคาร์โด ปาตรีส์เกิดอาการเครื่องยนต์ขัดข้อง สตาร์ทไม่ติด ช่างเครื่องสังกัดทีมแอว์โรว์ของเขากระโจนจากริมแทร็ควิ่งเข้าไปเพื่อแก้ไขเป็นช่วงจังหวะก่อนที่สัญญาณไฟเขียวจะสว่างขึ้นเพียงชั่วครู่เดียวนักแข่งที่แลเห็นเหตุการณ์หลายคนรีบโบกมือให้สัญญาณรถแข่งด้านหลัง แต่ช้าไปเสียแล้วซิกฟรีด สโตร์ นักแข่งร่วมทีมเดียวกับปาตรีส์ขับรแข่งแอร์โรว์พุ่งทะยานออกมาจาก ด้านหลังจุดสดาร์ทชนช่างเครื่องเคราะห์ร้ายผู้นั้น ซึ่งถูกรถแข่งทีมอื่นสองคันบล็อกขวางทางไม่ให้เขาหลบได้ พระเจ้าช่วยเขารอดชีวิตมาได้ด้วยอาการบาดเจ็บหลายแห่งรอบตัว นี่อาจเป็นตัวอย่างชัดเจนที่นักแข่งยกขึ้นมาอ้างเพี่อให้กรรมการยอมรับที่จะวางระเบียบด้านความปลอดภัยมากกว่านี้ สิงห์สนามซ้อม ดีเร็ก วอร์วิคกำลังอยู่บนความเร็วเต็มเหยียดขณะฝึกซ้อมในการแข่งแคนาเดียนกรังด์ปรีซ์1988 เมื่อเขาต้องเจอกับเปลวฝุ่นคละคลุ้งอยู่ที่โค้งหักศอกเบื้องหน้า ผู้ชมที่ติดตามเขาอยู่แลเห็นชัดว่าเขาคงแล่นด้วยความเร็าขณะนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันเป็นความเร็วน่าสยดสยองสำพรับฟอร์มูล่า-วันในห้วงเวลานั้น.... เขาหักพวงมาลัยนำรถแข่งลงข้างทางในทันทีเพื่อหลบเลี่ยงมัน แต่ความเร็วระดับนั้นและเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบกระทันหัน รถแข่งทีมแอร์โรว์ของเขาเสียหลัก มันพุ่งเข้าหากำแพงริมแทร็ค และสยบนิ่งอยู่ตรงนั้นในสภาพยับเยินดีเร็ก วอร์วิครอดตายมาได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ การแข่งในวันถัดมาเขาเส้นชัยได้เป็นที่เจ็ดแต่ผู้ชมซึ่งเห็นเหตุการณ์สยดสยองตรงจุดที่เขาเกิดอุบัติเหตุบอกว่าเขาคือแชมป์แคนาเดียนกรังด์ปรีซ์ตัวจริง! "สนับสนุนเนื้อหาโดย"

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ CRAZY CRAHSES F1 เหตุที่ไม่น่าอุบัติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook