อาการน่าเป็นห่วง ...ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ปลื้มยางยุคใหม่

อาการน่าเป็นห่วง ...ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ปลื้มยางยุคใหม่

อาการน่าเป็นห่วง ...ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ปลื้มยางยุคใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

                ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ใครที่กำลังมองหายางสักชุด สำหรับรถคู่ใจ คงจะต้องเคยผ่านหูมาบ้างกับ ยางลดแรงแรงต้านทาน ( Low resistance tire) และยางประเภทใหม่ที่วิ่งได้แม้ยางรั่ว (Runflat Tire) ที่เริ่มเข้ามาจำหน่ายอย่างเป้นทางการ ในบ้านเรา และเริ่มมากขึ้นตามลำดับ

                คำที่ได้ยินผ่านคำโฆษณา เกี่ยวกับ สรรพคุณของยางรถยนต์ อาจจะทำให้มันดูน่าสนใจ แต่มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่า เราไม่ซื้อของที่เราไม่คิดว่า เราจะใช้มันได้คุ้มค่า และมันทำให้ ยางรถยนต์รุ่นใหม่ ทั้ง   2  ประเภท เริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง ในด้านการใช้งาน ซึ่งผู้ซื้อมักจะมองข้าม ถ้าไม่นับว่ามันเป็นยางติดรถยนต์มาจากโรงงาน

                วิจัยชิ้นใหม่ล่าสุดจากค่าย JD Power  นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับความต้องการในยาวรถยนต์ โดยทำการสำรวจจากกลุ่มผู้ใช้ พบว่า ยางรถยนต์แบบใหม่ ทั้งยางลดแรงต้านทานที่เน้นารประหยัดน้ำมันมากขึ้น และยางแบบรันแฟลท กำลังเจอวิกฤตคำถามเรื่องความคุ้มค่าจากผู้บริโภค  ซึ่งมองถึงความคุ้มค่าในระยะยาวจากยางที่พวกเข้าใช้

                ยางรันแฟลท มักจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในยนตรกรรมสุดหรูยุคใหม่  ที่ติดตัวออกมาจากโรงงาน แต่จากการวิจัยกลับพบว่ามันอาจจะมีคุณภาพ หรือระยะการใช้งานที่น้อยกว่ายางธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะในด้านความมั่นใจของผู้บริโคที่มีต่อยางที่ตัวเองใช้กลับมีคะแนนเพียง 728 แต้ม เมื่อเทียบกับความพึงพอใจของเจ้าของรถหรูประเภทเดียวกัน ที่ใช้ยางะรรมดาทั่วไป

                ที่น่าแปลกคือ ยางรันแฟลท ยังมีสัดส่วนในการเปลี่ยนยางมากกว่ายางธรรมดา ถึง  31% โดยกว่า  1 ใน 3  ของผู้ใช้ (31%) กลาสวว่าพวกเขาเปลี่ยนยางมาแล้วอย่างน้อย  1  ครั้ง และอย่างน้อยที่สุด 1 ล้อของรถที่ใช้ยางประเภท รันแฟลท จะมียางใหม่ จากการเปลี่ยนยาง ขณะที่ยางธรรมดา กลับมีเพียงร้อยละ  19  ที่พบปัญหาในลักษณะเดียวกัน

                ยางรันแฟลทอาจจะฟังเป็นปัญหาแล้ว แต่ก็ไม่เทียบกับยางประหยัดน้ำมัน พวกยางแรงต้านทานต่ำ ที่ทำให้รถยนต์ประหยัดยิ่งขึ้นตามคำโฆษณาของบรรดาผู้ผลิต ซึ่งความจริงผู้ใช้กลับเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยของยาง

                โดยส่วนใหญ่มองว่ายางแรงต้านทางต่ำนั้น จะมีการสูญเสียอัตราการยึดเกาะถนนหรือความมั่นใจในการขับขี่ไป เมื่อต้องการให้ความประหยัดมากขึ้น และก็หวังว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกยางที่ดีที่สุดมาให้แม้จะเป็นเพียงยางประหยัด แต่ก็อดห่วงดรื่องความปลอดภัยไม่ได้อยู่ดี

                ด้าน นาย เบรนท์ กรูเบอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายยานยนต์สากลของ เจดี พาวเวอร์ เปิดเผยว่า ในขณะที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์มองในเรื่องการผลิตรถยนต์ให้มีความประหยัดมากยิ่งขึ้น  พวกเขาก็ต้องอาศัยบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนให้บรรลุเป้าหมายตามไปด้วย มันนับเป็นความท้าทายในการทำให้ทำหได้ตามความคาดหมายของลูกค้า ที่มองหาประโยชน์จากยางใหม่ๆ

                ส่วนด้านยางประหยัดน้ำมันเอง ก็มีปัญหา เพราะ ขณะที่ผู้ผลิตสนใจที่จะพูดผ่านโฆษณาในเรื่องข้อดี แต่ผู้ใช้กลับกังวลเรื่องความปลอดภัยในยางที่ใช้  ซึ่งจุดนี้เช่นกันผู้ผลิตต้องให้ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องแก่ผู้บริโภค เพราะเมื่อมันถูกพูดว่าเป็นยางลดแรงต้านทานก็จะถูกมองว่ามีคุณภาพการเกาะถนนต่ำ  เช่นเดียวกันแม้จะทราบว่ามันน่าจะทำให้ประหยัดน้ำมัน แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างจริงจังและชัดเจน มีความสามรถมากน้อยแค่ไหน หรือจะคุ้มเมื่อต้องจ่ายเงินหรือไม่

 

                แม้ยางรถยนต์ใหม่จะมีออพชั่นต่างๆมามกายที่เสริมเข้ามาช่วยให้มันมีมูลค่ามากขึ้น และเสริมสมรรถนะของรถในด้านประหยัด หรือช่วยคุณไม่ต้องจอดตายกลางทางไปพร้อมกับการโยนยางอะไหล่ทิ้ง แต่ว่า การเลือกยางมาใช้สักครั้งก็หมายถึงความปลอดภัย ซึ่งบางอย่างยังต้องการความกระจ่างจากปรรดาผู้ผลิต

 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook