ดูชัดๆ! 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นจีนใหม่ล่าสุด
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/au/0/ud/11/55441/100.jpgดูชัดๆ! 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นจีนใหม่ล่าสุด

    ดูชัดๆ! 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นจีนใหม่ล่าสุด

    2016-10-15T09:45:54+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ยลโฉม 2017 Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ส่งตรงจากโชว์รูมที่ประเทศจีน ปรับดีไซน์ภายนอก-ภายในใหม่ทั้งหมด

    โตโยต้า ยาริส ทำตลาดในจีนภายใต้ชื่อ Yaris L ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นประเทศเดียวที่มีโฉมนี้วางจำหน่าย ดีไซน์ด้านหน้าถูกออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหนวดสีดำที่ขยายให้หนาขึ้นกว่าเดิม

     

    2017 โตโยต้า ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ไม่เพียงแต่ปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้ดูทันสมัยขึ้นเท่านั้น ยังมีการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED และไฟ Daytime Running Light บริเวณกันชนหน้า, ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่, เพิ่มฟังก์ชั่น Start/Stop, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ VSC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น

     

    ดีไซน์ด้านหน้าถูกออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายหนวดสีดำที่ขยายให้หนาขึ้นกว่าเดิม

     

    ไฟตัดหมอกติดตั้งมาเฉพาะในรุ่นท็อปสุด พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ทรงตั้ง

     

    ด้วยการออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ ทำให้ตัวถังของยาริสไมเนอร์เชนจ์ มีความยาวตลอดคันเพิ่มขึ้น 45 มิลลิเมตร ความสูงเพิ่มขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร

     

    บริเวณฐานกระจกมองข้างมีการเพิ่มครีบแอโรไดนามิก ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศที่เคลื่อนผ่านข้างตัวถัง ขณะที่รุ่นรอง (1.3 ลิตร) ยังคงติดตั้งไฟเลี้ยวด้านข้างไว้บริเวณบังโคลน

     

    ระบบกุญแจอัจฉริยะทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ท ติดตั้งปุ่มล็อก-ปลดล็อกสีดำไว้บริเวณที่เปิดประตู

     

    ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง Dunlop Enasave ขนาด 185/60 R15

     

    ด้านท้ายออกแบบไฟท้ายแบบ LED ใหม่ แถบไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังออกแบบให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม

     

    ห้องโดยสารภายในมีการปรับปรุงแผงคอนโซลหน้าใหม่ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ-เทา พร้อมสีดำ Piano Black ที่ดูหรูหรามากขึ้น ช่องแอร์ถูกปรับปรุงให้ดูโค้งมน สวิตช์แอร์ยังคงเป็นแบบมือหมุนเช่นเดิม

     

    พวงมาลัยถูกจัดวางปุ่มใหม่ พร้อมที่เปิดประตูตกแต่งด้วยโครเมียม

     

    เรือนไมล์เรืองแสงตกแต่งด้วยสีฟ้า-ขาว จากเดิมที่เวอร์ชั่นจีนจะใช้พื้นหลังสีขาวบริเวณตัวเลข

     

    รุ่นท็อปสุดติดตั้งระบบ Cruise Control มาให้

     

    เครื่องเสียงยังคงจัดวางปุ่มต่างๆแบบเดิม ที่ปรับปรุงให้ดูโค้งมนน่าใช้งานขึ้น ตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black

     

    ติดตั้งที่วางแก้วน้ำแบบเก็บได้บริเวณหน้าช่องแอร์ ช่วยรักษาความเย็นเครื่องดื่มได้

     

    ปุ่มควบคุมระบบ Start/Stop และระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC ติดตั้งบริเวณใกล้กับเบรกมือ

     

    เวอร์ชั่นจีนมาพร้อมหลังคาแบบซันรูฟด้วย

     

    เบาะนั่งในรุ่นท็อปเป็นแบบหนังสลับผ้า ปรับระดับด้วยมือ ใช้โทนสีเบจช่วยให้ดูหรูหรา

     

    ห้องโดยสารด้านหลังติดตั้งที่วางแก้วน้ำตรงกลางให้ 1 ตำแหน่ง พร้อมพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารกลาง

     

    รุ่นท็อปสุดติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคอัตราทดได้ 8 จังหวะ

    ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 99 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมกึ่งอิสระ

    ส่วนบ้านเรายังไม่แน่ชัดว่าจะได้ทำตลาดโฉมเดียวกันนี้หรือไม่