เทคนิคการเอาตัวรอดเมื่อรถยนต์จมน้ำ

เทคนิคการเอาตัวรอดเมื่อรถยนต์จมน้ำ

เทคนิคการเอาตัวรอดเมื่อรถยนต์จมน้ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์นั้นถือเป็นอีกปัจจัยทหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันไปแล้ว การเดินทางด้วยรถยนต์ถือเป็นการเดินทางที่เป็นที่นิยม และการเดินทางแต่ละครั้งก็จะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วจะก่อให้เกิดอันตราย และเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้นความไม่ประมาทในขณะขับขี่รถยนต์ จะทำให้เกิดความปลอดภัยในที่สุด

     และในอุบัติเหตุ หรือสภาณการณ์ฉุกเฉิน เชื่อแน่ว่าทุกคนต่างต้องตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแล้วคุณควรมีสติและ หาวิธีคิดเพื่อที่จะเอาตัวรอดกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นให้ได้ อย่างเช่น ตัวอย่างสถานการณ์รถยนต์ตกน้ำแบบในคลิป โดยเหตุการณ์ในคลิปตัวละครจะพยายามมองหาสิ่งของภายในรถ นำมาใช้ในการทุบกระจกรถให้แตกเพื่อที่จะออกมาจากตัวรถได้ แล้วสิ่งของชิ้นไหนที่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้กระจกรถแตกได้หาคำตอบได้ในคลิปครับ

คลิปทุบกระจกรถตกนํ้า

    

สำหรับเทคนิคในคลิปก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งสำหรับการเอาตัวรอดจากรถยต์จมน้ำได้ อย่างไรก็ก็ตามทางทีมงาน Sanook ! Auto ได้นำรายละเอียดเพิ่มเติมมามาให้เป็นความรู้อีกทางหนึ่งด้วยครับ

-    อันดับแรกสำคัญมากที่สุด คือต้องตั้งสติให้มั่น (นับหนึ่งถึงสิบไม่ได้เ พราะเวลาจะหมดไปโดยเปล่าประโยชย์) ให้คิดง่าย ๆ ว่า 'มันไม่ยากเกินไปที่จะแก้ไขเมื่อมีสติ'

-    ขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่จะตกน้ำ อย่าปลดเข็มขัดนิรภัยออกจนกว่ารถจะหมดแรงกระแทก หลายคนเมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนที่จะลงน้ำก็จะปลดเข็มขัดนิรภัยออกในทันที ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้ศีรษะไปกระแทกจากแรงประทะของผิวน้ำได้

-    ทันทีเมื่อรถยนต์นิ่งสงบอยู่ในน้ำ ไม่ควรเปิดประตูรถเพราะแรงดันน้ำจากภายนอกจะทำให้ไม่สามารถเปิดประตูได้ (จนท.ตำรวจสหรัฐ พิสูจน์ความจริงข้อนี้แล้วว่า จากการนำรถยกห้อยรถในน้ำไว้ครึ่งคัน แล้วให้ตำรวจทั้งที่อยู่ในและนอกรถลองพยายามเปิดประตูรถ แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้)

-    ขณะที่น้ำเข้ารถให้ออกทางหน้าต่างเท่านั้น โดยลดกระจกลง แบบมือหมุน (MANUAL) มีเวลาพอ แต่สำหรับกระจกไฟฟ้าจากสถานการณ์จำลองพบว่า แม้รถจะจมอยู่ในน้ำระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอีกประมาณ ๑๐ นาที ถึงแม้เครื่องยนต์จะดับ ไม่ต้องกลัวไฟช็อต เพราะในรถยนต์จะใช้ไฟกระแสตรง (D.C.) ไม่เหมือนไฟบ้านที่เป็นกระสลับ (A.C.) ซึ่งเมื่อโดนน้ำแล้วช็อตเลย ฉะนั้นในรถยนต์จะไม่มีการช็อต การทำงานของกระจกไฟฟ้าไม่กี่วินาทียังพอมีเวลาที่จะทำงานได้

-    สูดลมหายใจให้เต็มที่และค่อยๆ เอาตัวออกที่ช่องหน้าต่าง ถึงแม้ช่วงที่เอากระจกลงจะมีน้ำไหลเข้ามาในรถก็ตาม ตัวเราก็สามารถว่ายน้ำออกทางหน้าต่างได้ ไม่ต้องห่วงข้าวของมีค่า ถ้ามีผู้โดยสารมาด้วยก็บอกให้กระทำเช่นเดียวกัน หากมีเด็กให้หนีบเด็กนั้นออกมากับตัวท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้น แม้เวลาเสี้ยว วินาที ก็ต้องรีบกระทำดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

-    กรณีไม่สามารถออกทางหน้าต่างได้ (เปิดหน้าต่างไม่ได้) ไม่ว่าสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ข้อควรปฏิบัติต่อไป คือ ให้ปลดล็อกประตูที่เป็นทางออก (MANUAL) ถ้าเป็นประตูไฟฟ้าก็ต้องกดปลดล็อก (เหตุผลเดียวกับข้อ 4) เมื่อน้ำเข้ามาในรถมากพอเกือบถึงหลังคา หลังความดันภายนอกและภายในรถใกล้เคียงกันแล้ว ก็ให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วนำตัวออกจากห้องโดยสารของรถได้ ท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือ จะว่ายขึ้นมาก็ได้ ในกรณีหากน้ำลึกมาก ๆ อาจจะมองไม่เห็นว่าทิศใดเหนือหรือใต้น้ำ เพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจว่ายน้ำไปทางทิศที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ  ในกรณีนี้ควรปล่อยให้ตัวลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าอากาศดูฟองว่าลอยขึ้นทางทิศใด ก็ให้ว่ายไปทางทิศของฟองอากาศลอยไป เช่นนี้แล้วจะไม่มีอาการหลงน้ำ

-    เมื่อไม่สามารถเปิดประตูหรือลดกระจกลงได้เนื่องจากเกิดแรงกระแทกและชน (เกิดอุบัติเหตุ) ก่อนรถจะตกน้ำ ขั้นตอนต่อไปควรหาของแข็งมาทุบกระจก เครื่องมือประจำรถที่เหมาะสมที่สุด คือ เหล็กขันน็อตที่มีอยู่ในถุงอะไหล่ รถกระบะทุกชนิดไม่ว่าสี่ประตู หรือ CAB จะเก็บถุงเครื่องมือไว้ใต้เบาะหลัง หรือ ส่วนที่อยู่ในเก๋งด้านหลัง ส่วนรถเก๋งต้องหาวัสดุที่เป็นเหล็กหรือของแข็งพอที่จะทุบให้กระจกแตกได้ กระจกที่เลือกทุบมีหลักอยู่ว่ากระจกหน้าหลังจะเป็นกระจกนิรภัยออกแบบให้แตกยาก ควรทุบกระจกด้านข้างเมื่อสู้แรงดันน้ำได้ หรือ ให้แรงดันน้ำในและนอกใกล้เคียงกันแล้วให้นำตัวออก  มีความเป็นไปได้กรณีไม่สามารถทุบกระจกข้างให้แตกได้ เพราะแรงดันน้ำภายนอก วิธีต่อไปให้เลือกทุบกระจกหลังเพราะเป็นส่วนที่จมน้ำหลังสุด (เพราะส่วนหัวจะจมก่อน)

-    อย่าตามอากาศอย่างเด็ดขาด การเสียชีวิตเนื่องจากติดอยู่ในรถก็เพราะผู้เสียชีวิตพยายามตามอากาศที่ไหลไปรวมกันอยู่หลังรถ เพราะหน้ารถพุ่งลงน้ำ (เครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า) หัวรถจะจมน้ำก่อนแล้วท้ายรถก็จะโด่งขึ้นอากาศจึงไหลไปรวมกันที่นั่งหลัง อากาศที่อยู่หลังรถดูเหมือนจะมีให้หายใจได้ แต่เมื่อ จมลงไปเรื่อย ๆ ตัวรถจะเริ่มตั้งฉากอากาศจะถูกบีบออกทางกระโปรงหลังภายในไม่กี่นาที

-    การตัดสินใจปฏิบัติตามขั้นตอน ควรทำอย่างรวดเร็วเพราะไม่สามารถทายได้ว่าก้นน้ำจะมีความลึกมากแค่ไหน ภูมิประเทศใต้น้ำอย่างไร ถ้าเป็นโคลนโอกาส รอดก็จะมีน้อยทีเดียว

ขอบคุณเนื้อหา : หนังสือนาวิกศาสตร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook