รีวิว Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ แฮทช์แบ็คหล่อแรงฟังก์ชั่นครบเครื่อง

รีวิว Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ แฮทช์แบ็คหล่อแรงฟังก์ชั่นครบเครื่อง

รีวิว Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ แฮทช์แบ็คหล่อแรงฟังก์ชั่นครบเครื่อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     เมื่อครั้งที่ Honda Civic เจเนอเรชั่นที่ 10 ถูกเปิดตัวอย่างเป็นครั้งแรกในโลกที่สหรัฐอเมริกา ก็เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนฮอนด้าทั่วโลกได้อย่างล้นหลาม

     เมื่อถึงคราวที่ Civic เจเนอเรชั่นใหม่ ถูกเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ก็สร้างกระแสรถยนต์ระดับ C-Segment ให้กลับมาคึกคัก ด้วยยอดจองเฉียด 4 หมื่นคัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีนับตั้งแต่เปิดตัว

152

     ล่าสุด ฮอนด้าเสริมทัพด้วยการส่ง Civic Hatchback 2017 ใหม่ ซึ่งนับเป็นการกลับมาครั้งแรกของตัวถังแบบแฮทช์แบ็คหลังจากห่างหายไปจากตลาดยาวนานร่วม 20 ปี บอกเลยได้ว่างานนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!

     Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของซีวิคซีดานเจเนอเรชั่นที่ 10 ที่น้อยคนจะปฏิเสธเรื่องความสวยงามลงตัว แต่ปรับดีไซน์ตัวถังด้านท้ายให้มีลักษณะแบบ 5 ประตู เอาใจคนรักความสปอร์ตมากขึ้น รวมถึงมีการปรับดีไซน์และอ็อพชั่นให้ต่างออกไปจากรุ่นซีดาน

141

     ปัจจุบัน Civic Hatchback 2017 มีวางจำหน่ายเพียงรุ่นย่อยเดียว คือ 1.5 Hatchback Turbo เกียร์อัตโนมัติ CVT ตั้งราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง Civic Turbo และ Civic Turbo RS ตัวถังซีดาน ซึ่งหลายคนอาจมองว่าราคาถูกเปิดมาค่อนข้างสูงสำหรับรถระดับ C-Segment แต่ก็เป็นผลมาจากการที่ฮอนด้าตั้งกลุ่มเป้าหมายของรุ่นแฮทช์แบ็คไปยังลูกค้าที่ต้องการความสปอร์ตเป็นหลัก ทั้งดีไซน์และสมรรถนะ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม Civic Hatchback ไม่ทำตลาดรุ่น 1.8 ลิตร เหมือนกับตัวถังซีดาน

136

     ดีไซน์ภายนอกของ Civic Hatchback Turbo โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED ไม่ว่าจะเป็นไฟต่ำ, ไฟสูง, ไฟเลี้ยว, Daytime Running Light และ ไฟตัดหมอก ติดตั้งกระจังหน้าสีดำเงาแบบเดียวกับรุ่น Turbo RS ขณะที่กันชนหน้าถูกออกแบบใหม่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นแฮทช์แบ็ค ตกแต่งด้วยพลาสติกรูปทรงตะแกรงสีดำขนาดใหญ่ ออกแบบให้กันชนมีลักษณะยื่นออกมามากขึ้น

     บริเวณซุ้มล้อหน้าถูกตกแต่งด้วยไฟหรี่แบบ LED โคมขาวที่มีตัวหลอดด้านในสีส้ม ประตูคู่หน้ายกชุดมาจากรุ่นซีดานเป๊ะๆ ขณะประตูคู่หลังแตกต่างจากรุ่นซีดานเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับกระจกโอเปร่าด้านท้าย ส่วนเสา D-Pillar ถูกออกแบบให้มีความหนาพอสมควร ซุ้มล้อถูกเน้นโป่งสันยื่นออกมารับกับล้ออัลลอยชัดเจน

128

     ไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปทรงตัว C ออกแบบลากยาวขึ้นไปจรดกับสปอยเลอร์สีดำ ขณะที่กันชนถูกตกแต่งด้วยพลาสติกรูปทรงตะแกรงสีดำขนาดใหญ่รับกับกันชนหน้า ขอบล่างของกันชนออกแบบให้มีลิ้นสปอยเลอร์ในตัว ขณะที่ท่อไอเสียแบบคู่ถูกติดตั้งแยกไว้ทั้ง 2 ข้าง แต่ออกแบบให้ซ่อนไว้ในกันชน

     Civic Hatchback Turbo ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์เดียวกับ Civic Turbo โฉมซีดาน พร้อมยางขนาด 215/50 R17 ขณะที่ยางอะไหล่เป็นล้อชั่วคราวขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง T125/80 มาให้

142

     ตัวถังของเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็ค มีขนาดสั้นกว่ารุ่นซีดานอยู่เล็กน้อย นอกนั้นแทบเหมือนกันหมด โดยรุ่นแฮทช์แบ็คมีความยาว 4,501 มิลลิเมตร (รุ่นซีดาน 4,630 มิลลิเมตร) ความกว้าง 1,799 มิลลิเมตร (เท่ากับรุ่นซีดาน) ความสูง 1,421 มิลลิเมตร (รุ่นซีดาน 1,416 มิลลิเมตร) ความยาวฐานล้อ 2,697 มิลลิเมตร (รุ่นซีดาน 2,698 มิลลิเมตร)

     ขณะที่ความสูงจากพื้นถนนของรุ่นแฮทช์แบ็คกลับมากกว่ารุ่นซีดาน โดยอยู่ที่ 133 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่นซีดานอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร

110

     ภายในห้องโดยสารของ Civic Hatchback 2017 ยังคงให้ความกว้างขวางไม่แพ้รุ่นซีดาน สามารถโดยสารได้ 5 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด แถมยังมีพื้นที่เหนือศีรษะให้แบบเหลือๆ แถมยังให้ความรู้สึกโปร่งกว่ารุ่นซีดานด้วยซ้ำไป ขณะที่พื้นที่วางขาก็มีให้อย่างเหลือเฟือเช่นกัน จึงถือเป็นรถที่เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานคนเดียว และใช้งานในรูปแบบครอบครัว

     ห้องโดยสารเน้นโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งถูกหุ้มด้วยหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ ฝั่งผู้ขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง ตัวเบาะเองมีขนาดใหญ่และกว้าง สามารถซัพพอร์ตแผ่นหลังได้อย่างสบาย ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ มีพนักพิงศีรษะปรับระดับได้ 2 ตำแหน่ง ขณะที่ตรงกลางเป็นแบบยึดตาย

109

     ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่พอที่จะวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มได้ 2 ใบซ้อนกัน แถมยังจุกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าผ้าใบเล็กได้อีก ด้านท้ายยังมีแผงปิดห้องสัมภาระด้านท้ายแบบพับเก็บได้ในตัว ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะรูดออกทางด้านข้าง ช่วยปิดไม่ให้คนภายนอกมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย

105

     แผงคอนโซลหน้าถูกติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Advanced Touch สามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้แบบเดียวกับรุ่นซีดาน รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมพอร์ต USB จำนวน 2 ช่อง และ HDMI มาให้ 1 ช่อง ติดตั้งไว้ในช่องใต้แผงคอนโซล ขับกำลังเสียงผ่านลำโพงทั้งหมด 8 จุดรอบคัน

     ไล่ลงมาเป็นปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ ซึ่งควบคุมผ่านหน้าจอชุดเดียวกับเครื่องเสียง โดยหากต้องการปรับความแรงลม จะต้องกดปุ่ม Climate เพื่อเข้าไปยังเมนูระบบแอร์เสียก่อน ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่ายังใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าไหร่นักโดยเฉพาะเวลาที่กำลังควบคุมรถอยู่

111

     ด้านผู้ขับขี่ติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้านที่ยกมาจากรุ่นซีดาน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย และปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control ทางด้านขวา ด้านหลังพวงมาลัยติดตั้งแป้น Paddle Shift สำหรับเปลี่ยนเกียร์แบบแมนนวลได้ มาตรวัดความเร็วเป็นแบบหน้าจอ TFT ขนาดใหญ่ สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ได้หลากหลาย รวมถึงอัตราการบูสต์ของเทอร์โบแบบเรียลไทม์ได้ด้วย ตัวเลขออกแบบให้อ่านง่าย ชัดเจน

     กระจกคู่หน้าสามารถเลื่อนขึ้นสุด-ลงสุดได้อัตโนมัติ ขณะที่คู่หลังยังคงต้องกดค้างไว้เช่นเคย โดยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ายังมีปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อคมาให้ด้วย ขณะที่ใบปัดน้ำฝนด้านหน้าเป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้

103

     ที่วางแขนระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าสามารถเลื่อนแผงเปิด-ปิดได้ หากเปิดขึ้นมาก็จะพบกับช่องวางแก้วน้ำและที่เก็บของขนาดใหญ่ ขณะที่ตัวคอนโซลกลางออกแบบให้มีความสูงพอควร ให้อารมณ์รถสปอร์ตและยังใช้วางแขนได้อย่างพอดิบพอดี

     ใกล้กับคันเกียร์เป็นสวิตช์ควบคุมระบบเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold ที่ช่วยเหยียบเบรกค้างให้ขณะจอดติดไฟแดง รวมถึงปุ่มควบคุมระบบประหยัดน้ำมัน ECON มาให้ด้วยเช่นกัน

113

     ระบบกุญแจเป็นแบบ Honda Smart Key System ที่สามารถล็อค-ปลดล็อครถได้โดยไม่ต้องนำกุญแจออกจากกระเป๋า ทำงานควบคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ขณะที่ตัวกุญแจยังมีฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท โดยการกดปุ่มล็อครถ 1 หนึ่ง ตามด้วยปุ่มรูปลูกศรกลมค้างไว้จนกระทั่งไฟฉุกเฉินกระพริบ 1 ครั้งแล้วจึงปล่อย เครื่องยนต์จะติดขึ้นเองพร้อมกับระบบปรับอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ ซึ่งขณะที่เครื่องยนต์กำลังติดอยู่นี้ ตัวรถจะยังคงถูกล็อคไว้ ไม่สามารถขึ้นรถได้

     แต่ระหว่างนี้ หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถขึ้นรถได้ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ทันทีที่กดสวิตช์บริเวณหัวเกียร์เพื่อเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์นั้น เครื่องยนต์จะดับในทันที และไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้อีกตราบใดที่กุญแจไม่ได้อยู่ในรถ ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของระบบรีโมทสตาร์ทเลยแม้แต่น้อย

118

     ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 5 ตำแหน่ง, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA, ระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบชว่ยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist, ระบบกล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, จุดยึดสำหรับติดตั้งเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น

134

     ด้านขุมพลังใน Civic Hatchback Turbo 2017 เป็นบล็อกเดียวกับเครื่องยนต์เทอร์โบในรุ่นซีดาน โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT สามารถปรับโหมดแมนนวลได้ด้วย Paddle Shift รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E20

     ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง โดยมีการปรับสปริงให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นซีดานประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวถังที่เพิ่มมากขึ้น ติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน

 144

     มาถึงจุดหลายคนคงเกิดความสงสัยว่า ด้วยค่าตัวที่แทรกอยู่ระหว่างรุ่น Turbo และ Turbo RS ในโฉมซีดานนั้น จะมีอ็อพชั่นอะไรแตกต่างกันบ้าง ซึ่งเราขอสรุปมาให้ดังนี้

     อ็อพชั่นที่หายไปเมื่อเทียบกับรุ่น Civic 1.5 Turbo RS ซีดาน:-

- Honda LaneWatch
- ชุดแอโร่พาร์ท RS
- ระบบนำทาง Navigator
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ

     อ็อพชั่นที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น Civic 1.5 Turbo ซีดาน:-

- ไฟหน้า LED
- ไฟตัดหมอก LED
- ดีไซน์กันชนเฉพาะรุ่น Hatchback
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
- ม่านถุงลมนิรภัย
- แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift

     ซึ่งความแตกต่างกันทั้งหมดนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลกับราคาที่ถูกวางไว้ต่างกันอย่างชัดเจน

148

     สำหรับการทดสอบครั้งนี้เป็นเส้นทาง หัวหิน-เขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งตลอดทางมีการจราจรเบาบาง จึงทำให้การทดสอบเน้นไปที่รูปแบบใช้งานนอกเมืองมากกว่า

     อัตราเร่งของ Civic Hatchback Turbo ถือว่าให้ความจัดจ้านดี สามารถเร่งความเร็วแตะระดับ 100 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากการทำงานของเทอร์โบ ที่ช่วยเค้นแรงบิดได้ถึง 220 นิวตันเมตร ที่รอบกว้างตั้งแต่ 1,700 ไปจนถึง 5,500 รอบต่อนาที ขณะที่จังหวะการเปลี่ยนให้ความลื่นไหลตามสไตล์ CVT และยังไม่สูญเสียกำลังจากการตัดต่อเหมือนกับเกียร์อัตโนมัติแบบ AT ทั่วไป นั่นจึงทำให้แรงบิดถูกถ่ายทอดไปยังล้อคู่หน้าได้อย่างเต็มที่

164

     ด้านช่วงล่างในรุ่นแฮทช์แบ็คไม่ต่างจากรุ่น Turbo RS ที่เราเคยขับก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก โดยให้ความหนักแน่น หนึบหนับ แต่ยังคงซับแรงสะเทือนได้ค่อนข้างดี อีกทั้งตัวถังที่ออกแบบให้กว้างและเตี้ย ทำให้รู้สึกถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ เพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้ง

     พวงมาลัยของ ซีวิค แฮทช์แบ็ค เทอร์โบ ให้ความกระชับ แม่นยำ น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดีในช่วงความเร็วต่ำไปจนถึงประมาณ 140 กม./ชม. หากมากกว่านั้น จะเริ่มรู้สึกว่าพวงมาลัยมีอาการหวิวบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ควบคุมได้อย่างมั่นใจ

167

     การเก็บเสียงของห้องโดยสารสามารถทำได้น่าประทับใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากพื้นถนนที่อยู่ในระดับต่ำ เสียงจากช่วงล่างขณะวิ่งผ่านหลุมหรือพื้นผิวขรุขระ รวมถึงเสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามายังห้องโดยสารได้น้อยมาก แม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตาม

161

     สรุป Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ ถือเป็นรถระดับ C-Segment รูปทรงแฮทช์แบ็คที่น่าใช้งานมากที่สุดคันหนึ่ง ด้วยดีไซน์ที่สวยงามโฉบเฉี่ยว แหวกแนวซีวิคแบบเดิมๆไปจนหมดสิ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งห้องโดยสารที่โอ่โถง กว้างขวาง ใช้งานเป็นประจำ 1-2 คนก็ไม่เทอทะ ใช้งานทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องหวั่น ผู้เฒ่าผู้แก่ไม่บ่นเรื่องห้องโดยสารหลังอย่างแน่นอน สมรรถนะเครื่องยนต์เทอร์โบแรงจัดจ้าน แม้ว่าจะใช้เกียร์แบบ CVT ที่ทำให้ความสนุกจากแรงกระชากของเกียร์หายไปบ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความนุ่มนวลและลื่นไหล และความประหยัดน้ำมันที่ดี

     Civic Hatchback Turbo คันนี้ยังคงคุณสมบัติความดีงามของ Civic ใหม่ ไว้อย่างครบถ้วน แต่เพิ่มเติมด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ใจรักความสปอร์ตมากกว่ารุ่นซีดาน อนาคตตัวถังนี้น่าจะได้รับความนิยมไปอีกยาว ดังนั้น ถ้าใครงบถึงและกำลังมองหารถระดับล้านต้น ดีไซน์โฉบเฉี่ยว สมรรถนะแจ๋วๆคันหนึ่งแล้วล่ะก็ รับรองว่ารถคันนี้ไม่ผิดหวังครับ

160

     ราคาจำหน่าย Honda Civic Hatchback Turbo 2017 ใหม่ อยู่ที่ 1,169,000 บาท

 

ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

อัลบั้มภาพ 70 ภาพ

อัลบั้มภาพ 70 ภาพ ของ รีวิว Honda Civic Hatchback 2017 ใหม่ แฮทช์แบ็คหล่อแรงฟังก์ชั่นครบเครื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook