รีวิว BMW 530i M Sport และ 520d Luxury ใหม่ รถหรูขับสนุกพ่วงฟังก์ชั่นสุดล้ำ

รีวิว BMW 530i M Sport และ 520d Luxury ใหม่ รถหรูขับสนุกพ่วงฟังก์ชั่นสุดล้ำ

รีวิว BMW 530i M Sport และ 520d Luxury ใหม่ รถหรูขับสนุกพ่วงฟังก์ชั่นสุดล้ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หลังจากที่ BMW 5-Series 2017 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ถูกเปิดตัวครั้งแรกในโลกไปเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทาง BMW Thailand ก็ไม่รอช้ารีบเปิดตัวซีดานหรูส่งตรงจากเยอรมนีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ตามหลังตลาดโลกเพียง 2 สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้น ถือว่ารวดเร็วทันใจเศรษฐีขาซิ่งในบ้านเรายิ่งนัก

     ทางบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทยจึงให้เกียรติเชิญ Sanook! Auto เข้าร่วมทดสอบ BMW 5-Series ใหม่ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ 530i M Sport และ 520d Luxury ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นี่เอง

104

     ด้านสภาพตลาดในปัจจุบันของ BMW Thailand นั้น มร.สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ระบุว่า “ในไตรมาสแรกของปี 2560 มียอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจำนวน 2,097 คัน เพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” แสดงให้เห็นว่าตลาดรถหรูเมืองไทยยังคงไปได้ดี และมีอนาคตที่สดใสอย่างต่อเนื่อง

     สำหรับ BMW ซีรี่ย์ 5 โฉมใหม่ล่าสุด มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 530i M Sport, 520d Luxury และ 520d Luxury (Limited) เรียงตามลำดับราคามากสุดไปยังน้อยสุด ซึ่งทุกรุ่นล้วนแต่เป็นรุ่นนำเข้าทั้งคันหรือที่เรียกกันว่า CBU ขณะที่รุ่นประกอบในประเทศคงต้องรอกันอีกสักพักใหญ่ๆ

105

     BMW 5-Series 2017 ใหม่ ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด BMW EfficientLightweight ที่เน้นการลดน้ำหนักเป็นสำคัญ ด้วยการเพิ่มวัสดุอลูมิเนียมและแมกนีเซียมเข้าไปมากขึ้น ส่งผลให้มีน้ำหนักลดลงจากรุ่นก่อนถึง 100 กิโลกรัม

     ตัวถังยังคงออกแบบให้เน้นจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยเพิ่มความสมดุลและคล่องแคล่วในการเข้าโค้ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักในการพัฒนารถบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น ขณะที่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.22 เท่านั้น ลดลงจากเดิมถึง 10 เปอร์เซ็นต์

118

     ด้านมิติตัวถังมีการเพิ่มขนาดขึ้นจากเดิมในทุกมิติ โดยซีรี่ย์ 5 ใหม่ มีความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,936 มิลลิเมตร (+36 มิลลิเมตร) ความกว้าง 1,868 มิลลิเมตร (+8 มิลลิเมตร) ความสูง 1,469 มิลลิเมตร (+2 มิลลิเมตร) ขณะความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,975 มิลลิเมตร (+7 มิลลิเมตร)

113

     ซีรี่ย์ 5 ใหม่ทุกรุ่น มาพร้อมฟีเจอร์ที่ยกมาจากรุ่นใหญ่อย่างซีรี่ย์ 7 นั่นคือ กุญแจ BMW Display Key ดีไซน์ล้ำ ที่ติดตั้งหน้าจอสีขนาดเล็กไว้บนตัวกุญแจ สามารถสั่งงานระบบปรับอากาศภายในรถได้ รวมถึงแสดงข้อมูลสถานะของตัวรถ เช่น ระยะทางที่วิ่งต่อได้, สถานะล็อคประตู ฯลฯ

     การสั่งงานจากรีโมท Display Key จะรองรับระยะห่างจากตัวรถประมาณ 30 เมตร ขณะที่ระยะห่างตั้งแต่ 30 เมตร ถึง 300 เมตร จะสามารถแสดงข้อมูลสถานะตัวรถได้เพียงอย่างเดียว แต่ถ้ามากกว่า 300 เมตรขึ้นไป จะเป็นการแสดงข้อมูลล่าสุดเท่านั้น โดยไม่มีการเชื่อมต่อกับตัวรถแต่อย่างใด

101

520d Luxury เครื่องยนต์ดีเซลกับอ็อพชั่นครบครัน

     รุ่น 520d Luxury จัดว่าเป็นรุ่นกลางที่น่าใช้มาก เพราะจัดอ็อพชั่นมาให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบ LED ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย พร้อม Cornering Light, ไฟตัดหมอกแบบ LED, ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ, BMW Display Key, กระจังหน้าทรงไตคู่พร้อมแผ่นเปิด-ปิดลดแรงเสียดทานอากาศอัตโนมัติ, ที่ปัดน้ำฝนและไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบประตูดูดทั้ง 4 บาน และล้ออัลลอยลาย W-spoke ดีไซน์หรูหราขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/45 R18 มาให้

109

     ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมเมมโมรี่ฝั่งคนขับ ตัวเบาะถูกหุ้มด้วยหนัง Dakota แผงคอนโซลและประตูตกแต่งด้วยลายไม้ Fineline Ridge, กระจกมองหลังและกระจกมองข้างตัดแสงอัตโนมัติ, ม่านบังแดดกระจกหลังไฟฟ้าและม่านบังแดดประตูหลัง, ไฟตกแต่ง Ambient Light เพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสาร สามารถปรับเปลี่ยนสีตามใจชอบได้ พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับแยกได้ 2 โซน เป็นต้น

     บริเวณคอนโซลกลางถูกติดตั้งหน้าจอ iDrive ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุม iDrive แบบสัมผัส รวมถึงยังมีฟีเจอร์สั่งงานด้วยท่าทางมือ (Hand gesture) ที่สามารถหมุนนิ้วเป็นวงกลมเพื่อเพิ่มหรือลดเสียง หรือปัดฝ่ามือออกเพื่อปฏิเสธการรับสายโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่าใช้งานง่าย เข้าใจฟังก์ชั่นต่างๆได้ไม่ยาก และมีประโยชน์มากในขณะขับขี่ เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยลดการเสียสมาธิได้มากกว่าการสัมผัสนิ้วมือลงบนหน้าจอทั่วไป อีกทั้งยังมาพร้อมมาตรวัดความเร็วแบบจอภาพขนาด 10.25 นิ้วด้วยเช่นกัน

108

     520d Luxury มาพร้อมชุดเครื่องเสียงแบบไฮไฟ คุณภาพเสียงถือว่าอยู่ในระดับใช้ได้ มาพร้อมช่องใส่แผ่น CD รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ มีช่อง USB ติดตั้งมาให้ รวมถึงมีระบบแผนที่นำทางรุ่น Professional มาให้ในตัว

     ด้านระบบความปลอดภัยถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานรถยนต์หรู ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ระบบเบรก ABS พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC, ระบบเตือนให้หยุดพักการขับขี่ เป็นต้น

110

     ในรุ่น 520d Luxury ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล BMW TwinPower Turbo อันเลื่องชื่อของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นบล็อก 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 235 กม./ชม. ให้อัตราสิ้นเปลืองตาม ECO Sticker อยู่ที่ 20 กม./ลิตรเท่านั้น ประหยัดยิ่งกว่ารถ 1,500 ซีซีจากญี่ปุ่นเสียอีก

103

520d Luxury (Limited) ตัดออพชั่นนิดหน่อยเอาใจคนงบจำกัด

     นอกเหนือจากรุ่น 520d Luxury ยังมีรุ่น 520d Luxury (Limited) ที่ยังคงดีไซน์ภายนอกและภายในเหมือนกับรุ่น 520d Luxury ปกติทุกประการ แต่ตัดทอนฟีเจอร์บางอย่างออกจากรุ่น 520d Luxury ปกติ
โดยรุ่น Limited จะถูกติดตั้งหน้าจอ iDrive ขนาด 8.8 นิ้ว แทนที่หน้าจอ 10.25 นิ้วในรุ่นปกติ, ปุ่มควบคุม iDrive ไม่มีระบบสัมผัส, ไม่มีระบบ Hand gesture, ตัดมาตรวัดความเร็วแบบหน้าจอ 10.25 นิ้วออก รวมถึงไม่มีระบบแผนที่นำทาง นอกนั้นยังคงเหมือนกันทั้งหมด

     ซึ่งถ้าคุณคิดว่าฟีเจอร์เหล่านี้ไม่มีความจำเป็นในการใช้งานแต่อย่างใด การเลือกรุ่น 520d Luxury (Limited) ก็จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้ราว 3 แสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่น 520d Luxury ปกติ ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่อยากขยับค่าตัวขึ้นมาจากซีรี่ย์ 3 หรือกลุ่มลูกค้า Fleet ทั้งหลาย ที่เน้นการใช้งานเป็นสำคัญ

114

530i M Sport เครื่องยนต์เบนซินพร้อมชุดแต่งดีไซน์สปอร์ต

     BMW 530i M Sport ถูกวางให้เป็นรุ่นสูงสุดในไลน์ของซีรี่ย์ 5 ปัจจุบัน เน้นจับกลุ่มคนรักความสปอร์ตเป็นหลัก โดยนอกเหนือจากอุปกรณ์มาตรฐานภายนอกที่ยกมาจากรุ่น 520d Luxury ยังมาพร้อมชุดแต่งภายนอก M Sport รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้าและหลังดีไซน์สปอร์ต, ขอบหน้าต่างประตูสีดำเงา, ล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/40 R19 คู่หน้า และ 275/35 R19 คู่หลัง, ช่วงล่าง M Sport ที่ลดความสูงลงจากรุ่นปกติ 10 มิลลิเมตร และระบบเบรก M Sport แบบ 4-pot

     นอกจากนั้นยังติดตั้งหลังคาซัพรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงหลังเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์บริเวณใต้กันชนมาให้ ซึ่งวิธีการเปิดก็เพียงพกกุญแจไว้กับตัว จากนั้นใช้เท้าสอดเข้าไปบริเวณใต้กันชน ฝากระโปรงท้ายจะยกตัวขึ้นอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกในเวลาที่ถือของมาเต็มมือ

121

     ห้องโดยสารภายในถูกตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle พร้อมแถบโครเมียมแทนที่ลายไม้ในรุ่น 520d Luxury, ติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์, เบาะนั่งเพิ่มฟีเจอร์ที่หนุนหลังไฟฟ้า (Lumbar Support) สำหรับเบาะนั่งตอนหน้า, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สายและระบบเสียงแบบรอบทิศทางจาก Harman Kardon ซึ่งมีให้เฉพาะในรุ่น 530i M Sport เท่านั้น

123

     ด้านขุมพลังของ 530i M Sport ถูกวางมาเพื่อแทนที่รุ่น 528i เดิม โดยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 5,200-6,500 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้นจาก 218 แรงม้าในรุ่น 528i โมเดล F10) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,450-4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 17.5 กม./ลิตรตามที่ระบุไว้ใน ECO Sticker ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับรถซีดานขนาดกลางที่ให้สมรรถนะขนาดนี้

137

     การทดสอบครั้งนี้ถูกจัดขึ้นบนรันเวย์ของสนามบินขนงพระ ภายในสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ โดยแบ่งออกเป็นสถานีต่างๆ เพื่อให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะของตัวรถอย่างเต็มที่

     สถานีแรกเป็นการทดสอบการบังคับเลี้ยวและอัตราเร่ง โดยมีกรวยตั้งวางเพื่อให้หักหลบด้วยความเร็ว ซึ่งเราได้รับทดสอบ 530i M Sport เป็นคันแรก

     เมื่อก้าวขึ้นไปยังห้องโดยสารของ 530i M Sport ก็พบว่าตำแหน่งที่นั่งถูกออกแบบมาได้เป็นอย่างดี เบาะนั่งและพวงมาลัยสามารถปรับเข้าหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับสรีระได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ถือเป็นท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่แต่ยังคงโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย

139

     ทันทีที่กดเท้าลงไปบนแป้นคันเร่ง ก็สัมผัสได้ถึงแรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำจากการทำงานของ TwinPower Turbo ซึ่งแรงบิดมหาศาลกว่า 400 นิวตัน-เมตร ช่วยให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและรู้สึกกระฉับกระเฉง จนแทบลืมไปเลยว่าเรากำลังขับรถซีดานขนาดใหญ่

     แรงม้ากว่า 252 ตัว ส่งผลให้ตัวรถทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อใช้รอบเครื่องยนต์สูง ซึ่งเป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์เบนซินที่ชอบการลากรอบมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซล เพียงชั่วอึดใจเราก็แตะความเร็ว 120 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น

143

     ระบบเบรกของ 530i M Sport เป็นแบบ 4-pot สามารถควบคุมสั่งงานได้อย่างมั่นใจ น้ำหนักแป้นเบรกเซ็ทถูกเซ็ทมาดีมาก สามารถลดความเร็วได้ตามสั่ง มาเร็วขนาดไหนก็รู้สึกว่าเอาอยู่ ตรงนี้เองเป็นจุดเด่นของรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูมาโดยตลอด

     ในจังหวะหักหลบสิ่งกีดขวางด้วยความเร็วประมาณ 70 กม./ชม.นั้น ช่วงล่างของ 530i M Sport ก็ยังคงรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ก็แทบไม่มีอาการโอเวอร์สเตียร์ให้เห็น แม้ว่าช่วงเวลาที่เราทดสอบมีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่องจนสภาพพื้นรันเวย์เปียกแฉะ แต่รถคันนี้ก็ยังสามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจอย่างมาก

141

     จากนั้นเราสลับมาทดสอบขับ 520d Luxury บนเส้นทางเดียวกัน ก็พบว่าเครื่องยนต์ดีเซลให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน แรงบิดที่รอบต่ำมีให้อย่างหนักหน่วงกว่า 530i ชัดเจน แต่ก็เป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซลเช่นกันที่แรงจะเริ่มหายเมื่อใช้รอบสูง แต่ก็ยังถือว่ามีให้เค้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หายวูบอย่างเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกเล็กที่เราเคยเจอในบางยี่ห้อ

     ซึ่งนั่นทำให้เห็นคุณงามความดีของเกียร์ 8 จังหวะที่คอยเปลี่ยนเกียร์ขึ้นเพื่อเรียกแรงบิดมาอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนเกียร์ทำได้รวดเร็วฉับไว ไร้อาการกระตุกให้เห็น ซึ่งเป็นจุดเด่นของเกียร์ 8 สปีดของบีเอ็มดับเบิลยูตั้งแต่รุ่นที่ผ่านมา

     ในจังหวะหักหลบสิ่งกีดขวางนั้น สัมผัสได้ทันทีว่า 520d Luxury ถูกเน้นความนุ่มนวลมากกว่า ตัวรถมีอาการโยนมากกว่า 530i ที่ใช้ช่วงล่าง M Sport อย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็ยังคงเก็บอาการไว้ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นความนุ่มนวลสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน ตอบสนองการใช้งานในเมือง ที่ต้องเจอทั้งฝาท่อ, หลุม, รอยต่อสะพาน ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นใจเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดปัจจุบัน

146

     จากนั้น เราได้เปลี่ยนสถานีเพื่อไปทดสอบการทำงานของระบบช่วยจอด BMW Parking Assistant ที่ไม่เพียงแต่ช่วยหมุนพวงมาลัยเหมือนกับระบบช่วยจอดทั่วไปเท่านั้น แต่มันยังสามารถจอดรถได้อย่างเต็มรูปแบบทั้งการควบคุมคันเร่ง, เบรก, เกียร์ และพวงมาลัย โดยผู้ขับขี่เพียงกดปุ่มสั่งงานค้างเอาไว้

     ซึ่งจากการทดสอบพบว่าระบบ Parking Assistant สามารถทำงานได้ทั้งการจอดแบบขนานและจอดเข้าซอง โดยผู้ขับขี่จำเป็นต้องกดปุ่มเปิดระบบช่วยจอด (ปุ่มที่มีสัญลักษณ์รูปกรวยและอักษร P) จากนั้นจึงค่อยๆขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 35 กม./ชม. ระบบจะคอยสแกนช่องว่างที่มีอยู่ว่าเหมาะสมกับขนาดรถหรือไม่ จากนั้นเมื่อระบบเจอช่องจอด ผู้ขับขี่จะต้องเปิดไฟเลี้ยวฝั่งที่ต้องการเข้าจอด หน้าจอ iDrive จะแสดงให้เราเลือกว่าต้องการจอดแบบขนานหรือจอดเข้าซอง (แต่ถ้าระบบเจอช่องจอดแบบเข้าซอง จะไม่แจ้งเตือนให้เลือกจอดแบบขนานอีก)

149

     หลังจากเลือกวิธีจอดแล้ว ก็เพียงแค่กดปุ่มเดิมค้างไว้แล้วจึงค่อยๆปล่อยเบรก ระบบจะเริ่มขั้นตอนการจอดอัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรก และไม่ต้องเข้าเกียร์ใดๆทั้งสิ้น พวงมาลัยจะถูกหักเลี้ยวไปยังช่องจอดโดยอัตโนมัติและขยับหน้า-หลังด้วยตัวของมันเองจนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ ขณะที่หน้าจอ iDrive ยังแสดงรูปรถจากมุมสูงเพื่อให้เห็นว่าสามารถเปิดประตูได้กว้างขนาดไหนอีกด้วย

     ซึ่งจากการทดสอบปรากฏว่าตัวรถสามารถจอดอยู่ในช่องจอดได้อย่างพอดิบพอดี เว้นระยะห่างระหว่างรถคันหน้าและคันหลังได้เท่าๆกัน จึงถือว่าเป็นระบบที่ใช้งานได้จริง เหมาะกับผู้หญิงหรือมือใหม่ที่จอดรถคันใหญ่เองไม่สะดวกนัก ก็สามารถจอดรถได้เป๊ะไม่แพ้มือโปร

151

     หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบในสนาม เราก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 45 นาที โดยผู้เขียนมีโอกาสเป็นผู้โดยสารเบาะหลังของรุ่น 520d Luxury ซึ่งสัมผัสได้ชัดเจนว่าห้องโดยสารค่อนข้างโปร่งโล่งมากกว่าคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz E-Class W213 ที่เราเคยสัมผัสก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลังคาของ E-Class ที่มีลักษณะลาดเทมากกว่านั่นเอง

     ช่วงล่างของ 520d Luxury ให้ความนุ่มนวลดังที่คาดไว้ เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ไม่แข็งกระด้างจนรู้สึกน่ารำคาญ แต่ถึงอย่างไร ซีรี่ย์ 5 ก็ยังคงเป็นรถที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ชนิดหาคู่แข่งเทียบยาก

112

     สรุป BMW 5-Series 2017 ใหม่ ยังคงดีเอ็นเอความเป็นสปอร์ตซีดานระดับหรูเอาไว้ได้ครบถ้วนทุกกระเบียดนิ้ว เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น หากใครเน้นความสปอร์ต ช่วงล่างหนีบ อ็อพชั่นครบ (และเงินถึง) ก็จัดรุ่น 530i M Sport ซึ่งจะได้ทั้งหน้าตาอันหล่อเหลา และสมรรถนะการขับขี่ที่จัดจ้านตามฉบับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ แต่ก็ยังใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย

     แต่ถ้าเน้นความนุ่มนวลนั่งสบาย ได้ความประหยัด แรงบิดมหาศาลที่มีให้ตั้งแต่รอบต่ำ รุ่น 520d Luxury ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อ็อพชั่นมีให้ครบครันไม่แพ้รุ่น 530i จะขาดอยู่บ้างก็ชุดแต่ง M Sport, หลังคาซันรูฟ, เครื่องเสียง Harman Kardon, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติและกล้องมองภาพรอบคัน แลกกับราคาที่ต่างกัน 5 แสนบาท

     ส่วนถ้าไม่เน้นว่าจะต้องได้ iDrive จอใหญ่, มาตรวัดความเร็วแบบหน้าจอสี, ฟังก์ชั่น Hand Gesture, ปุ่ม iDrive แบบสัมผัส และระบบนำทาง นอกนั้นเหมือนกับรุ่น 520d Luxury ปกติทุกประการ ก็ลองพิจารณา 520d Luxury (Limited) แลกกับค่าตัวที่ถือว่าถูกที่สุดในบรรดาทั้งหมด 3 รุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน

 103_1

     ราคาจำหน่าย BMW 5-Series 2017 (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ย์ 5) ใหม่ มีดังนี้

- BMW 530i M Sport ราคา 4,399,000 บาท
- BMW 520d Luxury ราคา 3,899,000 บาท
- BMW 520d Luxury (Limited) ราคา 3,599,000 บาท

 

ขอขอบคุณ ผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นอย่างสูง ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

อัลบั้มภาพ 65 ภาพ

อัลบั้มภาพ 65 ภาพ ของ รีวิว BMW 530i M Sport และ 520d Luxury ใหม่ รถหรูขับสนุกพ่วงฟังก์ชั่นสุดล้ำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook