E-300 (W212) เผลอใจ สปอร์ต

E-300 (W212) เผลอใจ สปอร์ต

E-300 (W212) เผลอใจ สปอร์ต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ฤกษ์ทำการเปลี่ยนโฉม อี-คลาสใหม่ จากโมเดล W 211 มาเป็น W 212 ตัวแรกที่ประกอบในประเทศ คือ อี300 AVANTGARDE (W 212) ซึ่งผมได้ขับในรูปแบบโรดเทสต์ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต

เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี300 AVANTGARDE Saloon ประกอบในประเทศ วางเครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,996 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 161 กิโลวัตต์ 219 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 2,500 - 5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด ตามสเปค  247 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อี 300 AVANTGARDE มีเทคโนโลยีล้ำสมัยทางด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ราคา 4.999 ล้านบาทรถหาซื้อได้ทุกโชว์รูม

การเดินทางด้วยรูปแบบโรดเทสต์ต้องชมผู้จัด เพราะว่า รถสมรรถนะสูงๆ แบบอี-คลาส ต้องเดินทางไกล ถึงจะรู้ว่าของดีเป็นอย่างไร

เบนซ์มักจะสร้างแนวทางใหม่ๆ ให้กับวงการรถยนต์เสมอ การออกแบบแต่ละครั้ง จะต้องนำหน้า ในเรื่องของ แนวคิด เส้นสายและเอกลักษณ์ อี-คลาสใหม่ คราวนี้มาในแนวทางของไฟแยกชิ้นแต่เป็นเหลี่ยม ไม่เน้นกลมรีเหมือนอดีต คราวนี้ทรงเหลี่ยมได้สปอร์ตมาด้วย ด้านหน้ามีที่เห็นว่ามาทีหลังน่าจะเป็น ไฟ LED เล็กๆ ชายกันชน ทำให้นึกถึง ไฟสร้อยใน อาร์8 ของออดี้ ต้นตำรับการวางไฟแบบนี้ เอาล่ะ อย่างไรก็สวยลงตัวและ DNA นี้ก็ ชัดคือ เบนซ์ ไม่ดูไกลซักแค่ไหน ก็เข้าใจว่ารถเบนซ์ได้

สำหรับด้านข้างยังคง เด่น เส้นสายสง่า สมกับรถราคาแพง ที่ส่วนท้ายเมื่อมองผ่านดูแล้วยังไม่โดนเท่าไร เพราะแนวที่เห็นไม่รู้ตั้งใจหรือว่า มุขหมดเลย ท้ายไปเหมือนรถญี่ปุ่น รถเกาหลี

ภายในห้องโดยสารโดยรวมแล้ว ยังเน้นเรื่องความหรูหรา ไม่ไปทางสปอร์ต พื้นที่กว้าง กระจก เคลียร์ ทุกมุมมอง ในรถหรูหราระดับพรีเมียม เข้ายุคการเดินทางด้วยระบบนำทาง คาร์เนวิเกเตอร์แล้ว แม้ว่าจะมาช้ากว่าญี่ปุ่นมากแต่ ทั้งเบนซ์และบีเอ็ม ก็เริ่มให้ความสำคัญ

ระบบ NAVIGATION ของ อี-คลาส เท่าที่ลองยังเข้าถึงยาก และดูเหมือนระบบ POI ยังไม่มากนัก แต่สัญญาณจีพีเอสดีมาก จับเร็ว การปรับแต่งต่างๆ ค่อนข้างเข้าถึงยาก อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นเคยและศัพท์คำสั่งที่เป็นคำสั่งเฉพาะตัว ที่เพิ่งจะคุ้นเคยสำหรับผมแล้ว ตัวอย่างของ เนวิเกเตอร์แบบบิวอินด์ ที่ใช้ง่ายที่สุดคือ ระบบที่ติดอยู่ในฮอนด้า ฟรีด ทั้งแผนที่และพีโอไอ การนำทาง การยกเลิกต่างๆ  (แต่ฮอนด้าฟรีดก็มีจุดอ่อน ตรงที่จอ จีพีเอสติดตั้งเงยเกินไป มองเห็นยาก)

คุณภาพการขับเบนซ์เด่นมาก ในเรื่องของคุณภาพห้องโดยสารนิ่งเงียบจริงๆ เสียงลมทุกย่านความเร็วแทบไม่มีจนอดแปลกใจไม่ได้ว่า ลมหายไปไหนหมด สิ่งใหม่ที่รู้สึกว่าเติมเข้ามาในเบนซ์คือ เสียงสปอร์ตของเครื่องยนต์เมื่อความเร็วสูง เมื่อรอบจัดๆ แล้วขับสนุก เหมือนเบนซ์อยากจะไปสปอร์ต แต่แค่เผลอใจไปเท่านั้น เนื่องจากผมยังอยากได้ม้าเพิ่มกว่านี้ เพราะว่าเมื่อต้องไปให้สุดจริงๆ น้ำหนักของรถมันกินม้าไปหลายตัว จนอัตราเร่งที่ความเร็วสูง เราต้องเพิ่มน้ำหนัก คันเร่งมาก ระบบเบรกของรถถือว่ายอดเยี่ยม หาที่ติดไม่ได้เลยด้วยอาการนิ่งเมื่อสับเบรกรวมถึงระยะหยุดตามสั่ง

สิ่งที่คิดว่าเบนซ์ยังคงมาไม่เต็มที่คือ ช่วงล่างไปทางนุ่ม หนึบ ไม่หนักแน่นอย่างสปอร์ตซีดาน ที่อารมณ์หนึ่งเบนซ์อยากจะสอดแทรกเข้ามาเชื่อว่า ที่เบนซ์ให้น้ำหนักมาทางนุ่มเพราะว่า สภาพถนนส่วนหนึ่งที่เซตมาเพื่อถนนขรุขระและรักษากลุ่มลูกค้าที่ชอบนั่งสบาย อันเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ไว้ สำหรับความเร็วเดินทางของรถ อยู่ราวๆ 150 กม./ชม.กำลังดี

ซื้อเบนซ์ 5 ล้าน ถือว่า ใช้กันจนลืมไปเลย คอเบนซ์ชอบเบนซ์ไม่ต้องรอดู ซีรีส์ 5 ใหม่แต่ใครอยากเปรียบเทียบ อดใจรอ ก็ไม่เลว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook