Volk Scirocco สปอร์ตคูเป้แร๊งส์

Volk Scirocco สปอร์ตคูเป้แร๊งส์

Volk Scirocco สปอร์ตคูเป้แร๊งส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก Volk Scirocco ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยปรากฏโฉมเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว โดยได้ออกมาทำตลาดอยู่ 2 รุ่นก็เงียบหายไป และครั้งนี้ได้กลับมาใหม่ในเจเนอเรชั่นที่ 3 The New Scirocco 2.0 TSI ในโฉมสปอร์ตคูเป้ที่มาดเร้าใจ ให้สมรรถนะความแรงจัด พร้อมเกียร์ 6 สปีดแบบคลัตช์คู่ จึงตอบสนองได้ทันใจทุกอัตราเร่ง ขับนิ่ง มั่นใจทุกย่านความเร็ว และเกาะถนนหายห่วง
 
ทรงอินเทรนด์ มาดสปอร์ตเท่

รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวในแบบสปอร์ตซิตี้คาร์ โดยให้ความโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าแบบลายเส้นคู่ พร้อมตอกย้ำด้วยโลโก้ VW บนฝากระโปรงหน้า ไฟหน้าเฉี่ยวโคมดำดุดันแบบซีนอนพร้อมระบบฉีดน้ำ และที่กันชนหน้าติดไฟตัดหมอกทรงกลม  ขณะที่กระจกมองข้างไฟฟ้ามีไฟเลี้ยวในตัว  ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 17 นิ้ว กับ18 นิ้วในรุ่น Highline ส่วนหลังคาแบบกระจก Panoramic สามารถเปิดเขยิบด้านหลังได้ด้วยไฟฟ้า และโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์หลังคา พร้อมปลายท่อแบบคู่ดูเร้าใจ

ภายในออพชั่นเต็มพิกัด 
 
เมื่อเข้ามาดูภายในจัดว่ากว้างขวางพอตัว โดยมีจอแสดงผลแบบมัลติฟังก์ชัน เกจวัดรอบกับความเร็วสีดำล้อมรอบด้วยโคมหรู และพวงมาลัยแบบสปอร์ต 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมมัลติฟังก์ชันกับหัวเกียร์โครเมียมทรงกลมจับกระชับมือ แป้นคันเร่งและเบรกแบบสเตนเลสปัดเงา พร้อมแถบกันลื่น ส่วนเครื่องเสียงแบบบรรจุ CD 6 แผ่นเล่น MP3 ได้ พร้อมลำโพง 8 ตัว และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Climatronic

ขณะที่หน้าปัด คอนโซลกลาง และแผงประตู ตกแต่งด้วยลาย Brushed Aluminum พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ Vienna สำหรับเบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้โดยสารอัติโนมือ และยังมีระบบปรับที่หนุนหลัง Lumbar Support  แบบไฟฟ้า และพนักพิงเบาะหลังพับได้ ปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัย 6 ลูก 8 ตำแหน่ง กับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดดึงกลับอัตโนมัติ

ขุมพลังเทอร์โบ 200 แรงม้า 

เครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 TSI  ขนาด 2000 ซี.ซี. แบบ DOHC พร้อมเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด  200 แรงม้า ที่ 5,100-6,000 รอบ กับแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ ส่งผ่านระบบเกียร์อัจฉริยะ 6 Speed Dual Clutch Transmission (DSG) พร้อมด้วยระบบควบคุมการปรับช่วงล่างอัตโนมัติ Dynamic Chassis Control (DCC) สามารถตอบสนองทุกการขับขี่ โดยการปรับระบบรองรับแรงกระแทกให้เหมาะสมกับทุกสภาพของพื้นผิวถนน

อัตราเร่งแรงถึงใจทรงตัวนิ่ง
 
ในการทดสอบ Volkswagen Scirocco รุ่นใหม่เป็นทริปแบบสั้น ๆ ขับไปกลับวันเดียว เพราะรถมีแค่ 5 คัน กับผู้สื่อข่าว 10 คน แบ่งคันละ 2 คน ผลัดกันขับแบบสบาย ๆ โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-บางไทร (วงแหวนตะวันตก) เพื่อมุ่งสู่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ รวมระยะทางไปกลับประมาณ 200 กว่ากม.

ก่อนที่จะไปขึ้นทางด่วนก็ต้องฝ่าจราจรติดขัดบ้าง ซึ่งขนาดของรถทำให้มีความคล่องตัวสูงขับแซงซ้ายเข้าขวาได้อย่างที่ต้องการ เพราะให้อัตราเร่งทันใจตั้งแต่ออกตัว แค่กดคันเร่งก็เล่นเอาหลังติดเบาะ ซึ่งอาจจะเป็นรอง Volkswagen Golf อยู่เล็กน้อย เรียกว่าแรงเกินตัวจริง ๆ เนื่องจากให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาแค่ 7.1 วินาที ยอมรับแรงตีนต้นทำได้ไม่ต่างจากรถสปอร์ตราคาแพง แถมเสียงเครื่องยังให้ความเร้าใจในอารมณ์อีกด้วย

และเมื่อความเร็วขึ้นมาที่ 100 กม./ชม. รอบเครื่องที่ 2,300 รอบ ดูแล้วค่อนข้างประหยัด  ซึ่งเหมาะที่จะใช้งานในเมือง เพราะใช้โหมดเกียร์ D เร่งแค่ 2,000 กว่ารอบเกียร์ก็เปลี่ยนให้แล้ว แต่ด้วยแรงม้าที่ให้มาตั้ง 200 ตัว บวกกับแรงบิด 280 นิวตันเมตร ขืนมาขับเซฟน้ำมันคงไม่ใช่ที่ เพราะแค่กดต่อเนื่องนิดเดียวก็ขึ้นไป 120-140 กม./ชม. ที่ 2,800-3,300 รอบ ได้อย่างสบาย ๆ หรือเวลาเร่งแซงในช่วง 80-120 กม./ชม. จะรู้สึกได้ถึงกำลังที่ถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงส่งผลให้ขับสนุกแม้จะอยู่ในโหมดเกียร์ D ก็ตาม เพราะถ้าไม่ยกคันเร่งกดติดต่อกันก็สามารถลากรอบได้ไม่น้อย แต่จะสนุกยิ่งกว่าถ้าหันมาใช้โหมดแบบเปลี่ยนเกียร์เอง ซึ่งเลือกใช้ได้ทั้งที่คันเกียร์แบบ +  กับ -  และแพดเดิลชิฟต์ที่พวงมาลัย เพราะสามารถลากรอบได้อย่างที่ต้องการ หรือจะใช้โหมด S (Sport ) ก็ย่อมได้ สามารถลากรอบได้ถึง 5,500 รอบทีเดียว แต่ถ้าเล่นระบบเปลี่ยนเกียร์เอง เวลาชะลอความเร็วเกียร์จะไม่เชนจ์ลงเอง ส่วนโหมด S เกียร์จะลดลงเองได้  

และที่สำคัญ เกียร์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่เสียจังหวะ ทั้งนี้เพราะอาศัยเทคโนโลยีของระบบเกียร์  DSG  ซึ่งเป็นเกียร์ธรรมดาที่ควบคุมการทำงานด้วยสมองกล พร้อมคลัตช์คู่ที่แยกกันทำหน้าที่ในแต่ละเกียร์ โดยคลัตช์ชุดแรกจะใช้กับเกียร์ 1, 3 และ 5  ส่วนคลัตช์ชุดสองจะมารอใช้กับเกียร์ 2, 4 และ 6  จึงทำให้เกียร์เปลี่ยนได้รวดเร็วเหนือกว่าเกียร์อัตโนมัติ และยังคงความนุ่มนวลในทุกจังหวะ

สำหรับระบบช่วงล่างสามารถปรับระดับความแข็ง-อ่อนได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ Sport  จะแข็งสุด Normal  แบบกลาง ไม่แข็งเกินไป กำลังดี และถ้าต้องการนุ่มนวลนั่งสบายต้อง Comfort  ซึ่งเหมาะขับบนถนนเรียบ ๆ แต่ในระหว่างขับส่วนใหญ่เน้น Sport เพราะใช้ความเร็วสูง และรับรู้ได้ว่าให้การทรงตัวดี แม้จะเร่งแซงแบบกะทันหันก็ไม่ออกอาการโคลงให้รู้สึกเลยจึงมั่นใจได้ แต่ขณะเดียวกัน เวลาแซงกลับมองไม่ค่อยถนัด เพราะกระจกมองหลังมีขนาดเล็กเกินไป

ส่วนการควบคุมทำได้ดี พวงมาลัยปรับหนืดได้เองตามความเร็ว ตอบสนองได้แม่นยำ ซึ่งบนทางด่วนมอเตอร์เวย์แม้จะใช้ความเร็วที่  170 กม./ชม. ที่ 4,000 รอบ ก็ยังทรงตัวนิ่ง เกาะถนนดีไม่รู้สึกหวาดเสียว และพอทางโล่งเร่งขึ้นไปที่ 200 กม./ชม. ที่ 4,800 รอบ ใช้เวลาแค่นิดเดียว และในบางช่วงต้องเบรกที่ความเร็วสูง ๆ ยอมรับว่าเบรกหน้า-หลังที่มีดิสก์เบรกขนาดใหญ่ กับจานดิสก์โตสามารถสั่งให้ชะลอได้ทันที หรือเวลาขับในเมืองแค่แตะเบรกก็เล่นเอาหัวทิ่มแล้ว และเมื่อถึงปลายทางสามารถถอยเข้าที่จอดได้ง่าย ๆ   
 
สรุปได้เลยว่า Volk Scirocco โดนใจทั้งรูปทรงกับสมรรถนะที่ขับสนุกให้ความคล่องตัวสูง เพราะพลังความแรงนั้นเหลือเฟือ อัตราเร่งสั่งได้ทันใจ ทรงตัวนิ่งทุกย่านความเร็ว และเพียบพร้อมด้วยออพชั่นที่ครบครัน ซึ่งคุ้มกับค่าตัว 2,460,000-268,000 บาท และใครที่ชอบรถสไตล์สปอร์ตคูเป้รับรองขับแล้วจะติดใจ

 

ข้อมูลทางเทคนิค
เครื่องยนต์  : เบนซิน 4 สูบแถวเรียง แบบเทอร์โบ
ความจุกระบอกสูบ : 1984 ซี.ซี.
กำลังสูงสุด : 200 แรงม้า ที่ 5,100-6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 280 นิวตันเมตร ที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง : แบบ Direct Shift 6 จังหวะ DSG
ระบบเบรก : หน้า/หลัง ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน/ดิสก์เบรก
ความเร็วสูงสุด : 233  กม./ชม.  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.1  วินาที
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมระบบพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง
มิติตัวรถ (ยาว/กว้าง/สูง) : 4,256/1,810/1,410  มม.
ล้ออัลลอย 7.5J x 18  : ขนาดยาง 235/45 R17,  235/40 R18
ความจุถังเชื้อเพลิง : 55 ลิตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook