DATSUN B10 รถคุณปู่ สู่คุณหลาน

DATSUN B10 รถคุณปู่ สู่คุณหลาน

DATSUN B10 รถคุณปู่ สู่คุณหลาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ความ คลาสสิกของรถเรโทรนั้น ไม่ได้วัดกันด้วยความหายาก ราคาค่างวด หรือความลำบากในการตามหา บางครั้งความภูมิใจกลับอยู่ที่การได้รับใช้ผู้เป็นเจ้าของมาอย่างยาวนาน ไม่ต่างจากมิตรเก่าที่ร่วมกันสร้างรากฐานให้กับวงศ์ตระกูลเลยทีเดียว

          ดัทสัน B10 คันนี้ก็คงอยู่ในข่ายนั้น อายุอานามกว่า 30 ปี มากกว่าเจ้าของรถผู้รับมรดกชิ้นสำคัญนี้เสียอีก เพราะนี่คือรถขนาดเล็กรุ่นแรก ต้นกำเนิดของนิสสัน ซันนี่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรถยอดฮิตของคนไทยไม่ต่างจาก โตโยต้า วีออส หรือ ฮอนด้า แจ๊ซในปัจจุบัน

          ตำนานของสายพันธุ์การผลิตนิสสัน ซันนี่ เริ่มขึ้นจากจุดกำเนิดของรถยนต์คันนี้ เมื่อปี 1966 ซันนี่โฉมแรก หรือ B10 ซีรีส์ ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดัทสัน 1000 มีตัวถัง 2 แบบ คือ 2 ประตู และ รถสเตชั่นวากอน ตัวถังแต่ละแบบจะมี 2 เกรดให้เลือก คือ แบบมาตรฐาน (Standard) กับแบบพิเศษ (Deluxe) ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี 1967 ได้มีการเพิ่มตัวถังรูปแบบที่ 3 คือ ซีดาน 4 ประตู และในเดือนตุลาคม ปี 1968 มีการเพิ่มตัวถังแบบคูเป้ (รถกึ่งสปอร์ต มีขนาดเล็ก 2 ประตู) ตามมาอีกด้วย

 

 

เอกลักษณ์ของรถญี่ปุ่น ในยุคนั้นคือความพยายามที่จะไล่กวดเทคโนโลยีจากฟากยุโรปและอเมริกาแบบหายใจ รดต้นคอ ดังนั้น สัดส่วนของเจ้า B10 คันนี้มองดีๆ ก็อาจจะไปละม้ายคล้ายออสติน 1300 หรือบางคนถึงขนาดตั้งฉายามันว่า เจแปนีส มินิ เลยทีเดียว


      เครื่องยนต์ 988 ซีซี 56 แรงม้า เกียร์ธรรมดา ซิงโครเมช 4 สปีด B10 จึงเป็นรถที่ไม่จุกจิกและทนทานมาก แม้คุณปู่และคุณพ่อจะใช้งานมาจนเข็มไมล์กลับรอบ แต่เพียงนำไปโอเวอร์ฮอลล์แค่ครั้งเดียว เครื่องก็กลับมาฟิต สตาร์ทติดง่ายดังเดิม แถมด้วยการเพิ่มหม้อน้ำ และระบบแอร์ใหม่หมด ทำให้ปัญหาเรื่องความร้อนหายขาดสนิท


       B10 ถือเป็นรถที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบามากในยุคนั้น ตัวรถทั้งคันหนักเพียง 645 กิโลกรัม ทำให้สามารถพาผู้โดยสารเต็มคันวิ่งทะลุความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สบาย แต่ข้อควรระวังของคนขับ B10 อยู่ที่ระบบเบรกมากกว่า เพราะว่ารถรุ่นนี้เป็นระบบดรัมเบรก 4 ล้อ ที่ไม่มีหม้อลมมาช่วยผ่อนแรง ยิ่งถ้าฝนตกเบรกชื้นๆ รถก็อาจลื่นไถลไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน


       เมื่อต้องมาอยู่ในมือหลานชาย จึงนำไปเพิ่มหม้อลมเบรกเข้าไปเพื่อความชัวร์ และจัดการโมดิฟายแบบเล็กๆ ด้วยการถอดกรองอากาศแบบเดิมที่ดูดข้างออกมา แล้วสวมแทนด้วยกรองเปลือยที่ดูดุดันและให้อากาศผ่านได้ดีขึ้น

       ช่วง ล่างอิสระ 4 ล้อของ B10 แต่ใช้แหนบเป็นตัวกันสะเทือน จึงทนทานหายห่วงแทบไม่ต้องบำรุงรักษา ปลายด้านหน้าใช้แหนบเดียวตามขวาง นายม้าน้ำเอาไปเปลี่ยนบูชลูกหมาก พร้อมทั้งอัดโช้กใหม่ให้หนึบยิ่งขึ้น  บวกกับยางดันลอปและล้อแม็กขอบ 13 นิ้ว ของวาตานาเบ้ ก็ทำให้ B10 คันนี้เท่ขึ้นอีกเยอะ

       ภายนอกของรถคันนี้ โดดเด่น สดใสด้วยการสาดสีฟ้าเทอร์คอยซ์แห้งช้าแล้วนำกันชนหน้า-หลัง และคิ้วต่างๆ ไปชุบโครเมียมเงาวับ แถมเจ้าของเลือกเพิ่มความเรโทรเข้าไปอีกขั้นด้วยการสั่งตัดหลังคาหนังสีดำมา คลุมทับอีกชั้น รวมทั้งเปลี่ยนยางขอบกระจก เบาะนั่งหนังแท้ และเครื่องเสียงชุดใหญ่ Rock A Billy ที่เก็บซ่อนอย่างแนบเนียนนี้เป็นฝีมือของร้าน 4d car audio ย่านรังสิต

      ส่วน อะไหล่เล็กๆ น้อยๆ ภายในที่ตามหามาได้ครบในรถคันนี้ ทั้งที่เขี่ยบุหรี่บนคอนโซลและตรงที่นั่งด้านหลัง นาฬิกาบนคอนโซล ไฟเก๋ง ปุ่มสวิตช์ต่างๆ ใช้ได้ครบนั้นได้มาจากกูรูด้านเจแปนีส เรโทร อย่างคุณนิพนธ์ ตลาดเปิดท้ายรัชดาฯ วันเสาร์

 

      พิเศษสุดๆ จากโรงงานคือวิทยุติดรถยนต์ที่ตัวเลขสถานีคลื่นกลับหัวกลับหาง ซึ่งน่าจะเป็นความผิดพลาดจากการประกอบของช่างญี่ปุ่น ที่กลับมาเติมเสน่ห์ให้รถคันนี้กลายเป็นของหายากอีกคันในเมืองไทย

      ทั้ง หมดนี้คือการพลิกฟื้นรถญี่ปุ่นคันเล็กๆ ให้กลับมายิ่งใหญ่ ทั้งในด้านความงามและความรู้สึก ยิ่งเมื่อหลานชายนำดัทสัน B10 กลับมาให้คุณปู่ดูอีกครั้ง เจ้ามินิ เจแปนีส คันนี้ก็เรียกรอยยิ้มจากคุณปู่ให้คักคึกขึ้นมาได้ ดัทสัน B10 คันนี้จึงเข้าตำรา The Old soldiers never die เพียงแต่ว่าใครจะมีใจนำกลับมาก็เท่านั้นเอง

 

ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพจาก

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook