MINI Cooper S กับเครื่องยนต์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม

MINI Cooper S กับเครื่องยนต์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม

MINI Cooper S กับเครื่องยนต์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

MINI Cooper S ได้รับการอัพเกรดเครื่องยนต์ด้วยระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ผนวกกับระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ซึ่งจัดเป็นระบบเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดในวันปัจจุบัน เครื่องยนต์ใหม่นี้สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้า ทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร ดีกว่าเดิม 7% และค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU จากค่าสถิติดังกล่าว

จึงทำให้เครื่องยนต์ของ MINI Cooper S เครื่องนี้จัดเป็น ‘เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก’ ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ใน MINI Cooper ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 122 แรงม้า และ MINI One ก็เปลี่ยนจากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร มาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรพร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC  สามารถผลิตแรงม้าได้ 98 แรงม้า นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี MINIMALISM ซึ่งตั้งอยู่พื้นฐานปรัญชา EfficientDynamics ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ไลน์เครื่องยนต์ใหม่ของมินินี้ ยังมีศักยภาพการลดอัตราการคายไอเสียให้เข้ามาตรฐาน EU5 สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในยุโรปด้วย


เจาะเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ของ MINI Cooper S

          ในขณะที่ MINI Cooper S ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในรถเล็กสมรรถนะสูงที่ขับสนุกที่สุด วิศวกรของมินิก็ มิได้หยุดนิ่งในการคิดค้นเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย Sustainability ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของมินิได้ สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยายนต์ด้วยระบบเครื่องยนต์ที่ผสมผสานสาม สุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสร้าง ‘เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก’ กล่าวคือ (1) เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo (2) ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC และ (3) ระบบฉีดน้ำมันตรงเข้ากระบอกสูบ Direct Injection

          เครื่องยนต์ของ MINI Cooper S ที่ได้รับการอัพเกรดในครั้งนี้ จัดได้ว่าเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้มีการผนวกรวมระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo และระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งต่างก็เป็นสุดยอดเทคโนโลยีระบบป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ของ MINI Cooper S ซึ่งเป็นสุดยอดอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และการลดการคายไอเสีย

          เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ใช้หลักการแบ่งทางเดินไอเสียเป็นสองช่อง โดยทั้งสองช่องจะทำงานสอดประสานกัน สร้างแรงดันของไอเสียให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ เพื่อป้อนเป็นพลังงานขับเคลื่อนใบพัดของระบบเทอร์โบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ Twin-Scroll Turbo จึงเป็นระบบเทอร์โบเดี่ยวที่สามารถให้กำลังอัดอากาศสูงและต่อเนื่องเสมือน กับใช้ระบบเทอร์โบคู่ ซึ่งนอกจากจะมีขนาดกะทัดรัดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถขนาดเล็กอย่างมินิแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานโดยเฉพาะในเรื่องของระบบหล่อเย็นของเทอร์โบอีกด้วย ส่วนระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ซึ่งมีความสามารถกำหนดระยะเปิด-ปิดและระยะเวลาการเปิดวาล์วอากาศได้แปรผัน ต่อเนื่องตลอดทุกช่วงรอบตามความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำงานของทั้งสองระบบดังกล่าวอย่างควบคู่กัน จะส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถผลิตกำลังตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบการขับ ขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 ผลลัพธ์ที่ได้คือ MINI Cooper S ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของรถเล็กสมรรถนะสูงอยู่แล้ว มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ และประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันและลดการคายไอเสีย ใน MINI Cooper S รุ่นแฮ็ทช์แบ็ค เครื่องยนต์ใหม่ที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้านี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.0 วินาที และสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ดีกว่าเดิมอีก 7% เป็น 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำเพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

MINI One เครื่องยนต์ใหม่ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี VALVETRONIC และ MINI Cooper เครื่องยนต์ 122 แรงม้า

          เครื่องยนต์ของ MINI Cooper ก็ได้รับการปรับปรุงในส่วนของซ๊อฟแวร์บริหารเครื่องยนต์ ทำให้มันมีกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 122 แรงม้า (เดิม 120 แรงม้า) MINI Cooper รุ่นแฮ็ทช์แบ็ค มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 9.1 วินาที และสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 127 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

          MINI One ได้รับการแทนที่เครื่องยนต์เดิม ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตร ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.6 ลิตรพร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตกำลังสูงสุด 98 แรงม้า (เดิม 95 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 153 นิวตัน-เมตรที่ 3,000 รอบ (เดิม 140 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ) ทำให้ MINI One รุ่นแฮ็ทช์แบ็ค สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเวลา 10.5 วินาที (เดิม 10.9 วินาที) และทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 127 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

ราคาจำหน่าย
          รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม MSI MINI Service Inclusive 3 ปี / 50,000 กิโลเมตร

รุ่นแฮ็ทช์แบ็ค
MINI One ราคาเริ่มต้นที่ 2,000,000 บาท
MINI Cooper ราคาเริ่มต้นที่ 2,300,000 บาท
MINI Cooper S ราคาเริ่มต้นที่ 2,800,000 บาท

รุ่น Clubman
MINI Cooper Clubman ราคาเริ่มต้นที่ 2,700,000 บาท
MINI Cooper S Clubman ราคาเริ่มต้นที่ 3,200,000 บาท

รุ่น เปิดประทุน
MINI Cooper Convertible ราคาเริ่มต้นที่ 2,800,000 บาท
MINI Cooper S Convertible ราคาเริ่มต้นที่ 3,200,000 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook