กรมการขนส่งทางบก ป้ายแดงจริงใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน

กรมการขนส่งทาง บกเตือน !รถที่ใช้ทะเบียนป้ายแดงวิ่งบนท้องถนนมีความผิดฐานใช้รถไม่เสียภาษี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากเป็นทะเบียนรถ “ป้ายแดงปลอม” โทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ฐานใช้เอกสารราชการปลอม / ป้ายแดงจริงใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือนต้องรีบจดทะเบียน / ใช้วัสดุปิดบังป้ายแม้บางส่วนสำคัญ อาจปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีประชาชนหลายรายนำรถใหม่ ป้ายแดงซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนและเสียภาษีประจำปีให้ถูกต้องมาใช้งานบนท้อง ถนน ซึ่งการกระทำดังกล่าว นอกจากจะผิดกฎหมายและทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากค่าภาษีรถประจำปีแล้ว ยังยากต่อการติดตามตรวจสอบ กรณีรถสูญหายหรือนำไปก่ออาชญากรรมด้วย นอกจากนี้หากตรวจสอบพบเป็นทะเบียนรถ “ป้ายแดงปลอม” อาจมีความผิดถึงขั้นจำคุกด้วย จึงขอความร่วมมือผู้ที่ซื้อรถใหม่ รีบนำรถมาจดทะเบียนให้ถูกต้อง ซึ่งใช้เวลาดำเนินการเพียง 1 วัน เท่านั้น

นายชัยรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ป้ายแดง” เป็นเครื่องหมายพิเศษที่ กรมการขนส่งทางบก ออกให้แก่บริษัทจำหน่ายรถสำหรับใช้ติดรถเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้า หรือนำไปซ่อมแซมเท่านั้น ป้าย แดงที่ถูกต้องสามารถสังเกตได้โดยดูที่ตัวป้ายแดงทุกป้ายต้องมีตัวย่อนูน ขส ที่มุมด้านล่างขวา รถ 1 คันต้องใช้ 2 ป้าย เพื่อติดด้านหน้าและหลังโดยมีการผ่อนผันการใช้ป้ายแดงเฉพาะรถที่อยู่ระหว่าง การเตรียมเอกสารเพื่อจดทะเบียนไม่เกิน 1 เดือน นับแต่วันที่ซื้อรถหรือใช้งานไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร

          ทั้งนี้ ต้องมีสมุดคู่มือประจำรถของทางราชการ ระบุตัวหมวดอักษรและตัวเลขเดียวกับป้ายทะเบียนทั้งหมดประกอบด้วยเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

          ทั้งนี้ปัจจุบันการจดทะเบียนรถใหม่ สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่เกิน 1 วัน เท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนไปติดรถทันทีในวันที่จดทะเบียน เพียงนำหลักฐานการได้มาของรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานการทำ พ.ร.บ. และนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ กรมการขนส่งทางบก หรือ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่ประสงค์จดทะเบียนรถ

          อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังฝากเตือนผู้ซื้อรถใหม่ทุกคันให้ตรวจสอบป้ายแดงให้ถูกต้องด้วย อย่าใช้ “ป้ายแดงปลอม” โดยเด็ดขาด ส่วนกรณีแผ่นป้ายทะเบียนรถชำรุด/สูญหาย ขอให้ติดต่อขอรับแผ่นป้ายใหม่ให้ถูกต้อง ณ สำนักงานขนส่งที่รถจดทะเบียนไว้ ห้ามสั่งทำหรือซื้อแผ่นป้าย ทะเบียนรถจากร้านรับทำแผ่นป้ายมาติดที่รถ เพราะอาจมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมซึ่งมีโทษถึงขั้นจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี ปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังห้ามนำวัสดุอื่นใดไปบดบังแผ่นป้ายทะเบียนรถจนมองเห็นตัวเลขหรือตัวอักษร ไม่ชัดเจน หรือตกแต่งลวดลายบนแผ่นป้ายทะเบียนเลียนแบบป้ายทะเบียนรถเลขสวยที่นำออก ประมูล ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
 
กรมการขนส่งทางบก ติวเข้มผู้ประกอบการขนส่งพัฒนาความปลอดภัย ในการให้บริการรถโดยสารประจำทางเพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานคุณภาพบริการ
          นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำทางในแต่ละปีนับว่าสูง มาก เฉลี่ยปีละ 3.5 ครั้ง ต่อรถ 100 คัน ในแต่ละครั้งของการเกิดอุบัติเหตุจะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุอุบัติเหตุดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดการบริหารจัดการความ ปลอดภัยของผู้ประกอบการขนส่งทั้งด้านระบบ การวิเคราะห์ข้อมูล ความปลอดภัย การป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ การวิเคราะห์กำหนดการเฝ้าระวังประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุของความบกพร่องด้าน ความปลอดภัย ประเด็นปัจจัย รวมทั้งโอกาสเกิดความเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอาศัยทักษะการบริหารจัดการเชิงคุณภาพมาประยุกต์ใช้ อย่างเป็นรูปธรรม

กรมการขนส่งทางบกจึงจัดทำโครงการพัฒนาความปลอดภัยในการให้บริการ รถโดยสารประจำทาง เพื่อความยั่งยืนในการประกอบกิจการรถโดยสาร โดยมีการวัดผล ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน ทั้งด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผลสัมฤทธิ์ ผลกระทบและปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ด้วยการจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ด้านบริหารจัดการ ด้านบริการและการตลาด เข้าไปดำเนินการให้คำปรึกษา วางแผน และพัฒนาการประกอบกิจการขนส่งรถโดยสารประจำทางให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับ การคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 12 ราย ประกอบด้วยรถโดยสารประจำทาง ในเส้นทาง หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 และหมวด 4 เพื่อเป็นผู้แทนในการถ่ายทอดขยายผลการดำเนินการให้กับผู้ประกอบการขนส่งรถ โดยสารประจำทางทั่วประเทศและผู้ที่สนใจเพื่อนำไปเป็นแนวทาง ในการพัฒนารถโดยสารประจำทางต่อไป

          การสัมมนาจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2553 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทางจากทั่วประเทศและผู้ที่สนใจ จำนวนรวม 200 คน