รีวิว Mitsubishi Triton 2015 ใหม่ เปลี่ยน... ดียิ่งขึ้น

14 ม.ค. 58 (03:39 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

ตลาดรถกระบะในบ้านเราถือว่ามีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดังนั้นค่ายรถต่างๆจึงต้องปรับตัวเอาใจผู้บริโภคกันอย่างสุดกำลังซึ่ง ล่าสุดเป็นคิวของ All-new Mitsubishi Triton 2015 ที่เพิ่งเปิดตัวโมเดลใหม่ไปหมาดๆ Sanook! Auto จึงไม่พลาดที่จะเข้าร่วมทดสอบสมรรถนะไกลถึง จ.จันทบุรี จนได้รู้ว่าแม้จะเป็นค่ายรองในตลาด แต่สมรรถนะไม่รองใครจริงๆ

มิตซูบิชิ ไทรทันโฉมใหม่ล่าสุดนี้ ถูกออกแบบตามแนวคิด ‘รถกระบะอเนกประสงค์สไตล์สปอร์ต’ สะท้อนคุณภาพพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น มีตัวถังให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ ดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู, เมกะแค็บ 2 ประตู สามารถเปิดแค็บได้, และซิงเกิ้ลแค็บสำหรับการบรรทุกโดยเฉพาะ

โดยคันที่เราได้ทดสอบขับในครั้งนี้ เป็นรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 2.4 GLS-LTD 4WD เกียร์ธรรมดา ซึ่งก็คือตัวท็อปสุดสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดาในบ้านเรานั่นเอง

เริ่มต้นกันที่รูปลักษณ์ด้านหน้า ติดตั้งชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ HID พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถรุ่นใหม่ๆไปแล้ว ไทรทันก็พลาดที่จะติดตั้งมาให้เช่นกัน ตัวโคมไฟทั้งสองข้างถูกเชื่อมกันด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยมทรงตั้งขนาดใหญ่ เน้นความหรูหราเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องความสวยงามก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน กันชนหน้าติดตั้งช่องดักลมสีดำขนาดใหญ่ พร้อมไฟตัดหมอกล้อมกรอบด้วยสีเงิน

ด้านข้างตัวรถถูกออกแบบให้ดูอ่อนช้อย ด้วยการดีไซน์ส่วนที่เชื่อมกันระหว่างห้องโดยสารและกระบะหลังให้มีความโค้งมนเช่นเดียวกับรุ่นที่แล้ว ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ไม่ได้เน้นความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้เบาะหลังสามารถเอนลงได้มากกว่าปกติ ทำให้การเดินทางไกลๆสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ด้านหลังติดตั้งชุดไฟท้ายทรงตั้งสีแดง-ขาว พร้อมกันชนท้ายสีเงิน-ดำ ที่ออกแบบให้ดูมีมิติยิ่งขึ้น

ห้องโดยสารภายในแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยอ็อพชั่นเต็มพิกัด เบาะนั่งหุ่มด้วยหนังแท้ ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ พร้อมพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง คอนโซลกลางติดตั้งระบบเครื่องเสียงแบบหน้าจอสัมผัส สามารถเล่น DVD/MP3 ช่องต่อ USB และ SD Card ได้ รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วยบลูทูธ พร้อมระบบนำทางแบบ 3 มิติ ติดตั้งลำโพงทั้งหมด 6 ตำแหน่งด้วยกัน

เลื่อนลงมาก็จะพบกับระบบปรับอากาศแบบสัมผัส ที่สามารถแยกปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ ถัดมาด้านขวามือเป็นที่อยู่ของปุ่มสตาร์ท ทำงานคู่กับกุญแจอัจฉริยะ KOS สามารถล็อค-ปลดล็อคด้วยการกดปุ่มสีดำเล็กบริเวณที่เปิดประตูด้านนอกขณะที่ทิ้งกุญแจไว้ในกระเป๋าได้ โดยในรุ่นที่เป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ จะถูกติดตั้งปุ่มปรับระดับองศาไฟมาให้ด้วย ส่วนปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบหมุน ถูกติดตั้งบริเวณใกล้กับเบรกมือ

แต่สิ่งที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ‘ที่จุดบุหรี่’ ซึ่งแทนที่จะติดตั้งไว้บนคอนโซลหน้าเหมือนรถทั่วไป แต่กลับติดตั้งไว้ในกล่องเท้าแขนระหว่างเบาะคู่หน้า ซึ่งอาจไม่ค่อยสะดวกนักสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์นำทาง หรือ กล้องติดรถเป็นประจำ แต่สำหรับการชาร์จมือถือทั่วไปไม่มีปัญหาอะไร

นอกจากนั้น Triton ยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวก ETACS ซึ่งประกอบด้วยที่ปัดน้ำมันปรับตามความเร็วอัตโนมัติ, ไฟหน้าตัดการทำงานอัตโนมัติ, สัญญาณไฟเปลี่ยนเลนกระพริบ 3 ที แบบเดียวกับรถยุโรปใหม่ๆ เป็นต้น

Triton ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel แบบอลูมินัมอัลลอยบล็อกน้ำหนักเบา ความจุขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที

ซึ่งจุดเด่นของเครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้ คือการนำเอาระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เข้ามาใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรกของมิตซูบิชิ ซึ่งช่วยให้แรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ และได้แรงม้าเพิ่มขึ้นในรอบสูง พร้อมด้วยระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 5 สปีด

ติดตั้งระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบ Hybrid LSD ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อขับขี่ในรูปแบบออฟโรด เพราะตัวระบบจะช่วยถ่ายกำลังจากล้อด้านที่ลื่นไถล ไปยังล้อที่สัมผัสกับพื้นถนน ช่วยให้ตัวรถมีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช็คอัพไขว้ ที่ถูกออกแบบให้จุดยึดแหนบกว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความนิ่มนวล ระบบเบรกหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดรัมเบรก ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/65 R17

เริ่มต้นออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.จันทบุรี โดยใช้เส้นมอเตอร์เวย์-ชลบุรี ซึ่งมีพื้นผิวถนนค่อนข้างเรียบ สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือความเงียบในห้องโดยสารแม้ขณะใช้ความเร็วสูง รวมถึงความนิ่งของตัวรถ แม้ใช้ความเร็วแตะ 140 กม./ชม.ก็ตาม ซึ่งเป็นผลมาจากการแดมป์เสียงทั้งจากช่วงล่าง เครื่องยนต์ และส่วนต่างๆให้มากที่สุด เพื่อรักษาระดับเสียงให้ห้องโดยสารให้น้อยที่สุด

ตัวเบาะนั่งถูกออกแบบปีกข้างให้รองรับลำตัวได้ดี ไม่อึดอัด ให้การซัพพอร์ตช่วงหลังและศีรษะดี ทำให้ไม่รู้สึกเมื่อยล้า ระบบปรับอากาศเย็นสบายตลอดทาง

อัตราเร่งของ Triton ในรุ่นเกียร์ธรรมดานั้น ทำได้ดีสมกับที่โฆษณาไว้ สามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปแตะความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว ฉีกแซงรถคันอื่นได้อย่างสบายๆ เช่นเดียวกับอัตราเร่งแซง เพียงแค่เชนจ์เกียร์ลงมาหนึ่งจังหวะแล้วเติมคันเร่งลงไป ตัวรถก็จะพุ่งทะยานได้อย่างรวดเร็ว แทบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยว่าจะแซงพ้นหรือไม่ ซึ่งมิตซูบิชิตอบโจทย์คนรักความแรงได้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นเครื่องยนต์ความจุ 2.4 ลิตรก็ตาม

แต่กระนั้น เมื่อใช้เส้นทางมุ่งหน้าสู่ จ.จันทบุรี ที่ผิวถนนถูกซ่อมแซมจนมีลักษณะเป็นคลื่นเกือบตลอดเส้นทาง ตัวรถเริ่มมีอาการกระด้างออกมาให้เห็น ซึ่งแม้ว่าวิศวกรจะพยายามออกแบบไทรทันใหม่ให้นุ่มหนึบยิ่งขึ้น แต่สำหรับสภาพถนนบ้านเราแล้วนั้น มิตซูบิชิอาจต้องทำการบ้านเพิ่มขึ้นอีกนิด เพื่อรองรับการใช้งานแบบครอบครัวที่ต้องการความสบายในการโดยสาร

ระบบความปลอดภัยของ Triton คราวเรียกเรียกว่าจัดเต็มเช่นกัน ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพ ASTC ที่ผสานการทำงานระหว่างระบบควบคุมการทรงตัว ASC และระบบป้องกันล้อฟรี ATC เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเข้าโค้ง ทั้งยังมีระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และ BA ช่วยเสริมแรงเบรก รวมถึงระบบ Hill Start Assist ช่วยควบคุมไม่ให้รถไหลเมื่อออกตัวบนทางชัน

สรุป Mitsubishi Triton ใหม่ ถูกปรับปรุงให้ดีกว่ารุ่นก่อนแทบทุกด้าน มีจุดเด่นที่สมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงสมราคาคุย ติดตั้งอ็อพชั่นในรุ่นท็อปมาแบบครบๆ ห้องโดยสารเงียบ ช่วงล่างให้ความมั่นใจที่ความเร็วสูงบนทางเรียบ แต่ก็แลกมากับอาการกระด้างเมื่อวิ่งผ่านทางขรุขระ ถือเป็นตัวเลือกรถกระบะที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ความเห็นของเรา