รีวิว Nissan X-Trail ใหม่ เอสยูวีคันเก่งสำหรับครอบครัว

รีวิว Nissan X-Trail ใหม่ เอสยูวีคันเก่งสำหรับครอบครัว

รีวิว Nissan X-Trail ใหม่ เอสยูวีคันเก่งสำหรับครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     Nissan X-Trail ทำตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 2005 ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 2 เจเนอเรชั่น แต่ก็ทำยอดจำหน่ายได้แบบเนือยๆ สุดจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แต่ครั้งนี้ X-Trail ใหม่ กลับมาลุยตลาดอีกครั้ง แถมยังมาแรงแซงโค้งด้วยยอดจำหน่ายกว่า 2,000 คันในเวลาไม่ถึง 1 เดือนหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ


     Sanook! Auto จึงไม่พลาดที่จะร่วมทดสอบ Nissan X-Trail โฉมใหม่ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ เพื่อมาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านทราบกันว่า เอสยูวีเรือธงรุ่นล่าสุดจากค่ายนิสสันคันนี้ มีดีอย่างไรกันบ้าง

     โดยคันที่ทีมงานได้รับมอบหมายทดสอบในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ รุ่น 2.5 V 4WD ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดที่มีจำหน่ายในบ้านเรา และรุ่น 2.0 V 4WD ที่เป็นรุ่นรองลงมา แต่ก็ยังเป็นรุ่นท็อปสุดในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรทั้งหมด

 

     เริ่มต้นจากรุ่นท็อปสุดที่เราได้สัมผัสสมรรถนะในช่วงขาไป เป็นรุ่น 2.5 V 4WD ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส QR25DE ขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 233 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ที่สามารถปรับแบบเกียร์ธรรมดาได้ 7 สปีด (M-CVT)

 

     ในรุ่น 4WD ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปรับโหมดการขับเคลื่อนได้ 3 รูปแบบ ทั้งขับเคลื่อนสองล้อ, ขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติที่จะคอยควบคุมแรงขับเคลื่อนระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้เหมาะสำหรับสภาพถนนตลอดเวลา

     นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ มาพร้อมระบบ ‘Advanced Chassis Control’ ที่รวมเอาระบบช่วยการขับขี่ต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่

  • ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติเมื่อถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง (Active Engine Brake)
  • ระบบลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Active Ride Control), ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HSA, HDC)
  • ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (Active Brake Limited Slip)

 

     รูปลักษณ์ภายนอกของ X-Trail ใหม่ ถูกออกแบบให้ดูหรูหราสวยงามขึ้นกว่ารุ่นเดิม จนเรียกได้ว่าเป็นคอมแพ็คเอสยูวีที่สวยที่สุดคันหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ออกแบบรับกับกระจังหน้ารูปทรงตัว ‘V’ เอกลักษณ์ของนิสสัน

 

     ไฟท้ายถูกออกแบบให้เพิ่มลูกเล่นด้วยโครเมี่ยม ประตูท้ายสามารถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์เปิดประตูแบบสัมผัสทำงานคู่กับกุญแจอัจฉริยะ ตกแต่งซุ้มล้อด้วยขอบสีดำช่วยเพิ่มบุคลิกลุยๆตามประสารถเอสยูวี ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/60 มาให้

     มิติตัวถังมีขนาดความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. สูง 1,720 มม. ความยาวระยะฐานล้อที่ 2,705 มม.



     ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยสีดำ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์สามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทางในฝั่งผู้ขับ และ 4 ทิศทางสำหรับผู้โดยสาร คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางและ ‘Nissan Connect’ ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อใช้งาน Facebook และ Google Search ได้อีกด้วย

 

     ระบบ Nissan Connect ยังสามารถสั่งงานด้วยเสียงเพื่อค้นหาจุดหมายปลายทางแบบออนไลน์ได้ โดยใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อไว้ ยังรองรับการค้นหาด้วยเสียงภาษาไทย มีช่องต่อ AUX และ USB มาให้ เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth และส่งกำลังขับผ่านลำโพงทั้งหมด 6 จุด

     นอกจากนั้นยังสามารถใช้มองภาพจากกล้องมองภาพรอบทิศทาง ‘Around View Monitor’ ไปพร้อมๆกับกล้องมองหลังแบบปกติด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้าจอด

 

     ถัดลงมาเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-zone เลือกปรับแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ รวมถึงติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพื่อความเย็นสบายทั่วถึงกัน  ไฟส่องภายในห้องโดยสารเป็นแบบ LED พร้อม Mood Lamp ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสารยามค่ำคืน

     เบาะนั่งจัดวางแบบ 5+2 โดยเบาะนั่งแถวที่สามเน้นการใช้งานเมื่อจำเป็นมากกว่า ขณะที่เบาะนั่งแถวสองสามารถปรับพับแบบ 40:20:40 ส่วนแถวสามปรับได้แบบ 50:50

 

     ระบบความปลอดภัยถูกจัดเต็มเช่นเดียวกัน เริ่มจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ม่ายถุงลมนิรภัย, ระบบควบคุมเสถียรภาพ (VDC), ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS) ระบบเบรก ABS/EBD พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA รวมถึงระบบ Advance Chassis Control ที่ช่วยให้ตัวรถควบคุมได้ง่ายขึ้น

 

     หลังจากบรรยายสรรพคุณมายาวเหยียด เรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยครับ


     เริ่มก้าวเข้ามานั่งภายในห้องโดยสารของ Nissan X-Trail ใหม่ สัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่ง ตามสไตล์รถเอสยูวี ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำดูเข้มขรึม ปุ่มต่างๆถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ใช้งานง่าย วัสดุภายในดูดีขึ้นมาก ทั้งคุณภาพหนัง และการใช้วัสดุอ่อนนุ่มในจุดที่ต้องสัมผัสกับร่างกายบ่อยๆ

     มาตรวัดความเร็วเรืองแสงขนาดใหญ่ อ่านค่าง่าย พร้อมหน้าจอ TFT 3D Meter สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ กราฟฟิกและการเลือกฟอนต์ถูกออกแบบอย่างสวยงาม ติดตั้งปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไว้กลางรถ ใช้งานได้ง่าย

 

     เริ่มต้นออกเดินทางจากโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร อันเป็นจุดปล่อยรถในครั้งนี้ มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนเพื่อไปทางรามอินทรา ก็สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งตามฉบับเกียร์ซีวีที ที่เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก ไม่มีอาการกระตุก กระชากให้เห็น ตัวรถติดอาการอุ้ยอ้ายไปนิด ส่วนหนึ่งมาจากช่วงล่างที่เซ็ทมาแบบนุ่มนวล ล้อและยางขนาดใหญ่ บวกกับน้ำหนักตัวรถกว่า 1,638 กิโลกรัม ทำให้อัตราเร่งผิดจากที่คาดไว้เล็กน้อย แต่ก็เพียงนิดเดียวจริงๆเท่านั้น

 

     ระบบช่วงล่างถูกเซ็ทมาแบบนุ่มนวล นั่งสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในแบบครอบครัว แต่ก็แลกมาด้วยอาการโยนให้รู้สึกบ้างเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว แม้ช่วงที่ขับผ่านคอสะพานที่มีลักษณะเป็นแอ่ง ตัวรถสามารถผ่านไปได้อย่างนิ่งๆและนุ่มนวล

     ความเงียบภายในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เสียงจากล้อที่สัมผัสกับพื้นถนนและช่วงล่างเล็ดลอดเข้ามาน้อย จะมีก็เพียงเสียงลมปะทะทางด้านหน้าและด้านข้าง รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ขณะเร่งแซงที่อาจต้องปรับปรุงอีกนิด แต่หากใช้รอบอยู่ที่ไม่เกินราว 2,500 รอบต่อนาที ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงจากเครื่องยนต์เลย

 

     น้ำหนักพวงมาลัยในช่วงความเร็วต่ำถือว่ากำลังดีเลยทีเดียว หากวิ่งด้วยความเร็วสูงจะเริ่มรู้สึกว่าเบาเกินไปนิด แต่ก็ไม่ไวเสียจนรู้สึกว่าต้องใช้สมาธิในการควบคุมมากนัก ขณะที่ระบบเบรกไว้ใจได้ ไม่มีอาการหน้าทิ่มให้เห็น ลดความเร็วลงได้ตามใจสั่ง เพียงแต่ต้องเหยียบแป้นเบรคให้ลึกกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย

 

     วันต่อมาช่วงขากลับ ทีมงานได้มีโอกาสทดสอบในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังน้อยกว่าอยู่ที่ 144 แรงม้า (PS) สิ่งที่สัมผัสได้คืออัตราเร่งที่ช้ากว่ารุ่น 2.5 ลิตรอยู่บ้าง ทุกครั้งที่กดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วแม้จะเหยียบเพียงเล็กน้อยก็ตาม ระบบเกียร์จะต้องมีการทดรอบช่วยอยู่ตลอด แต่ถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในเมือง หากขับออกนอกเมืองเป็นครั้งคราวก็ไม่เลว แลกมาด้วยค่าตัวที่ถูกกว่ารุ่นท็อปราว 2 แสนบาทเศษ แต่ยังคงอ็อพชั่นที่ใกล้เคียงกัน

 

     สรุป Nissan X-Trail ใหม่ ถูกออกแบบให้ดูสวยงามลงตัว ถูกใจรสนิยมคนไทยขึ้นเยอะ ขณะที่การขับขี่เน้นความสบายเป็นหลัก ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน อ็อพชั่นภายในจัดมาให้อย่างคุ้มค่า เครื่องยนต์ให้กำลังดีในรุ่น 2.5 ลิตร ส่วนในรุ่น 2.0 ลิตรก็ยังมีเรี่ยวแรงให้เล่นอยู่ แต่หากใช้ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาแน่นอน


     ราคา Nissan X-Trail 2015 ใหม่ มีดังนี้

  • 2.0 S CVT 2WD ราคา 1,172,000 บาท
  • 2.0 E CVT 2WD ราคา 1,325,000 บาท
  • 2.0 V CVT 4WD ราคา 1,325,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ
  • 2.5 V CVT 4WD ราคา 1,551,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ

 

     ขอขอบคุณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

 

อัลบั้มภาพ 50 ภาพ

อัลบั้มภาพ 50 ภาพ ของ รีวิว Nissan X-Trail ใหม่ เอสยูวีคันเก่งสำหรับครอบครัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook