"หลับใน" เรื่องอันตราย ในการขับนี่

"หลับใน" เรื่องอันตราย ในการขับนี่

"หลับใน" เรื่องอันตราย ในการขับนี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ที่การทำงานของพวกเราต่างสร้างความเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆนั้น ทำให้เราได้ยินคำว่า "หลับใน" บ่อยมากยิ่งขึ้น และ ล่าสุดกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิก เมื่อพระเอกหนุ่มชื่อดังของประเทศ เวียร์ ศุกลวัตน์ หลับในกลางกรุง จนเกิดอุบัติเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากความประมาท

แน่นอน..ความประมาท เป็นบ่อเกิดอุบัติเหตุและในครั้งนี้คงเป้นที่จดจำของพระเอกหนุ่มไปอีกแสนนาน ทว่าอาการหลับในที่เกิดขึ้นจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้นั้น เป็นเรื่องที่หลายคนไม่คาดคิด โดยเฉพาะหนุ่ม-สาวที่ชอบ Work Hard-Play Hard

หลับในหลับใน

อาการหลับในนั้น เป็นอาการหนึ่งของความเหนื่อยล้าที่เราสามารถรู้สึกได้และมันมีสัญญาณ ก่อนหน้า ที่บ่งบอกว่าร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงานหนัก และต้องการพักผ่อนเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การทำงานหรือกิจกรรมใดที่ใช้เรี่ยวแรง หรือก่อให้เกิดความเครียดเป็นพิเศษนั้น จะทำให้ร่างกายต้องการพักผ่อนเร้วยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเมื่อคุณต้องการพักผ่อน แน่นอนวิธีที่ดีสุด คือการนอน และร่างกายเราก็ไม่รู้จักวิธีอื่น ที่ทำให้มันสดชื่น จึงเป็นที่มาของอาการหลับใน ที่เป็นอันตรายอาจจะถึงชีวิตเลยทีเดียว

อาการหลับในนั้น โดยมากจะเกิดขึ้น เมื่อคุณขาดการพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง และมีอาการเหนื่อยล้าระหว่างวันรวมอยู่ด้วย ทำให้เราอาจจะรู้สึกไม่สดชื่นระหว่างวัน และเมื่อใดก็ตามที่มีสถานที่หรืออยุ่ในที่เงียบๆ เป็นระยะเวลานาน ร่างกายก็จะปิดตัวเองลงชั่วคราว และเป็นอาการหลับในนั่นเอง

หลับในหลับใน

ตามปกติแล้วใน 1 วัน เราควรนอนหลับ อย่างน้อย 5 ชั่วโมง และถ้าจะให้ดีสุดก็ประมาณ 8- 10 ชั่วโมง เราจึงจะตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่น แต่แน่นนอน เราสามารถหลีกเลี่ยงอาการหลับใดได้และ เรามีวิธีมาฝากกัน

1. นอนให้พอ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการนอน ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพักผ่อนของมนุษย์ และถ้าหากไม่อยากหลับในต้องนอนให้พอ การนอนนั้น หมายถึงเรานอนบนที่นอน ซึ่งควรจะพักผ่อน 10 ชั่วโมงเต็ม โดยที่คุณต้องมีการนอนติดต่อกัน 2-3 คืนเป็นอย่างน้อย และเมื่อเรามีการนอนน้อยกว่าปกติคืนละ 2 ชั่วโมง ร่างกายเราก็จะทวงหนีการนอน โดยสมองจะมีสมรรถนะและทำงานช้าลง และมีการวูบหลับช่วงสั้น และหนักมากอาจเป็นอาการหลับในได้

หลับในหลับใน

2.นั่งในท่านั่งที่ถูกต้อง อาการง่วงนอนจนหลับในนั่น ส่วนหนึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากท่านั่งในการขับขี่ ที่คนจำนวนมากมักจะชอบเอาความสบายเข้าว่า ออกอาการกึ่งนอนขับรถ ...การนั่งในท่าทางที่ผิดนั้น ทำให้เราก่อให้เกิดอาการง่วงนอนได้มากในช่วงขณะขับขี่ โดยเฉพาะเวลาเสี่ยง 12.00-07.00 น. และช่วงบ่ายหลังอาหารเที่ยง เพราะฉะนั้น ถ้าคุณต้องขับรถควรปรับเปลี่ยนท่านั่งขับขี่ให้ถูกต้อง จะอาการหลับในได้

3. น้ำและกาแฟช่วยได้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า กาเฟอีน ที่อยู่ในกาแฟ เป็นตัวกันง่วงที่ดีที่สุด และบางคนก็ติดกาแฟงอมแงม เพราะคิดว่ามันจัช่วยกันง่วงได้ไม่มากก้น้อย การดื่มกาแฟนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ผลข้างเคียงคือมันจะทำให้คุณตาค้าง และประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน การทานกาแฟ ควรทานแต่พอดีอย่าหักโหม เพราะอาการหลับในจะเกิดขึ้นได้ฉับพลันเช่นกันถ้าคุณทานมันมากไป

เช่นเดียวกับน้ำคนจำนวนมากรอให้ตัวเองกระหายน้ำดื่มก่อนที่แวะปั้มหาซื้อน้ำทาน การนั่งเป้นระยะเวลานานๆ นั้นจะมีโอกาสสูงที่จะเป็คเส้นเลือดดำอุดตัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลียและช่วยส่งเสริมการหลับในได้ ดังนั้น หนทางที่ดีที่สุดคือ ดื่มน้ำบ่อยๆขณะขับรถจะสามารถช่วยได้ไม่มากก็น้อย

หลับในหลับใน

4. งีบหลับ ถ้าหากคุณมีอาการเพลียมากๆ จนง่วง การจอดนอน เป็นทางที่ดีสุด แต่อย่างติดเครื่องนอนล่ะ นั่นก็อาจทำให้คุณตายได้ง่ายๆ เช่นกัน การนอนหลับในรถควรทำเป้นช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อให้ร่างกายคุณผละจากความเหนื่อยล้า ประมาณสัก 30 นาที อย่านานกว่านั้น เพราะ เมื่อคุณนอนนานกว่านั้น ร่างกายจะหลับจริง และทำให้เวลาตื่นมาขับต่อแล้วไม่สดชื่น

 

4 วิธีที่กล่าวมานั้น สามารถช่วยป้องกันคุณๆหลับในได้ โดยเฉพาะใครที่เตรียมออกเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ยังไงก็ขอให้ขับรถปลอดภัยกันทุกคน...ครับ

 

Sanook! Auto Comment

 

อาการหลับในนี่นับว่าน่ากลัวจริงๆ เพราะการหลับในนั้น เกิดขึ้นจาการพักผ่อนไม่เพียงพอและเป็นอาการที่ทางการแพทย์เรียกว่า Micro Sleep หรือวูบหลับ ที่จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 2-3 วินาที ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ร่างกายจะหลับตาแบบลืมตา ตาราพร่า นิ่งไปชั่วขณะ หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะมีอาการอัมพาตชั่วคราว ที่เราไม่สามารถจัดการร่างกายได้ตามปกติ

ลองจินตนาการถึงการหลับในช่วง 2-3 วินาที ขณะที่ใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่รถเคลื่อนที่เร็วกว่า 33 เมตร ต่อวินาที...ถ้าคุณหลับไป 2-3 วินาที ในช่วง 100 เมตร ที่คุณไม่ได้ควบคุมรถลองคิดสิว่า อะไรก็เกิดขึ้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook