Honda Brio ..ตอบโจทย์สมรรถนะ ยกระดับ อีโค่คาร์

ช่วงนี้วงการรรถยนต์บ้านเราและทั่วโลกนั้นต่างเฝ้ารอการมาของรถเล็กของค่ายรถยนต์ยอดนิยม honda ที่ล่าสุดเพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อวานนี้อย่างเป็นทางการ ที่ราคาของรถคันนี้นั้นเริ่มต้นเพียง 399,900 บาท เท่านั้น

การมาของ Honda Brio นี้นับเป็นการสร้างความคึกคักในตลาดรถยนต์นั่งเล็กระดับซับคอมแพ็คให้มีสีสันอีกครั้ง ที่การมาของรถเล็กจากค่ายรถยนต์ที่ชาวไทยชื่นชอบอย่างมากนี้ นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของรถเล็กระดับนี้ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย

ที่ผ่านมาคงต้องยอมรับว่ามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงรถเล็กของค่ายรถยนต์ honda ตั้งแต่ยังเป็นวุ้น จนมาเป็นคอมเซปต์คาร์ และท้ายที่สุดมาเป็นคันจริงที่ในไม่ช้าจะวางจำหน่ายในโชว์รูมของ Honda ทั่วประเทศ

ในเรื่องของรูปทรงตัวรถนั้นเราจะไม่ขอพูดถึงมาก เพราะเรื่องแบบนี้มันนานาจิตตังที่บ้างก็ว่าน่ารัก-สวย หรือบางคนต่างก็ส่ายหน้า แต่ที่แน่ๆ งานนี้สิ่งหนึ่งที่ Honda หมายมั่นปั้นมือใส่ลงมาในรถอีโค่คาร์นั้น คงไม่พ้น ก็ไม่พ้นเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากจ้าวตลาด ที่มุ่งเน้นทางด้านความทันสมัยในดีไซน์ แม้สุดท้ายเหมือนจะตกม้าตาย แต่ความจริงแล้วก็น่าสนใจ ด้วยการฉีกแนวของรถแฮทช์แบ็คที่เปิดฝาท้ายทั้งบาน แต่ครั้งนี้ honda เน้นกระจกมาเป็นบานเปิดที่ก็ลงตัวไปอีกแบบ

ไม่เพียงเท่านี้มวลรวมของรถนั้นยังถูกปรับแต่งให้มีสรีระที่เน้นเส้นสายความโค้งมลตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยในเรื่องสมรรถนะการขับขี่เช่นเดียวกับการประหยัดน้ำมันตามจุดประสงค์ของรถอีโค่คาร์ ที่ไม่เพียงแค่บนตัวถังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงใต้ท้องรถมีการใส่แผ่นบังลมมาให้ลดแรงลมปะทะที่ใต้ท้องที่ช่วยในการประหยัดน้ำมันอย่างมาก

ในส่วนห้องโดยสาร Honda Brio ใหม่นี้เน้นการตอบโจทย์ที่ให้ความลงตัวในความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ที่เริ่มต้นด้วยความอบอุ่นผ่านการตบแต่งภายในสีเบจที่มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องการดูแลรักษา ที่ให้เข้าออกด้วยมาตรฐานกุญแจ immobilizer ที่การขึ้น-ลงผู้โดยสารตอนหลัง สามารถทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบเสากลางหรือเสา B ให้มาทางด้านหน้ามากยิ่งขึ้นด้วย

เรื่องสมรรถนะการขับขี่แม้เราจะยังไม่ได้สัมผัสกันอย่างเป็นทางการ แต่ต้องยอมรับว่า honda กล้าให้เครื่องทรงพลังมาสถิตในHonda Brio ที่รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 90 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ที่ไม่ต้องเกรงว่าจะอืด เพราะน้ำหนักตัวรถเบาหวิวมากมาย หนักสูงสุดในรุ่นท๊อปเพียง 950 กิโลกรัม ที่มั่นใจได้เลยว่ารถคันนี้จะขับสนุกยิ่งขึ้น ด้วยเอกลักษณ์เครื่อง 4 สูบ แบบ Over Sqaure ที่ช่วงชัก 73X71.6 มิลลิเมตร บ่งบอกในความจัดจ้านของเครื่องอยู่แล้ว เมื่อบวกกับแคมเดี่ยวและเอกสิทธิ์ในเรื่อง i-vtec ที่มาพร้อมระบบเกียร์ 2 แบบคือ เกียร์อัตโนมือ 5 สปีด หรือ อัตโนมัติ 5 สปีด ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถรุ่นนี้คงจะต้องขับสนุกแน่นอน

ความคล่องตัวเมืองก็เช่นกัน เพราะเมื่อรถเกิดมาเป็นรถคนเมือง สิ่งสำคัญคือการตอบสนองการขับขี่ในที่แคบ ซึ่ง Brio น่าจะทำได้ดีอย่างมากเมื่อมองมิติตัวถึงที่ยาวเพียง 3610 มิลลิเมตร กว้างเพียง 1680 มิลิลเมตร ถือว่ากำลังน่าฟัด และเมื่อตัวรถมาพร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS สามารถผ่อนแรงตามความเร็ว ที่สามารถสาวได้สูงสุด 3.42 รอบ ช่วยเพิ่มอำนาจวงเลี้ยวให้เหลือเพียง 4.5 เมตร นั้นสามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างดีเลียทีเดียว

สำหรับใครที่เกรงว่ารถเล็กจะบินง่ายนั้นก็วางใจได้ด้วยระบบช่วงล่างแบบเดียวกับซับคอมแพ็คคาร์รุ่นพี่ ที่เน้นความลงตัวด้วย ระบบช่วงล่างแม็คเฟอร์สันสตรัท ทางด้านหน้า และ ด้านท้ายเป็นแบบ torsion beam H Shape ที่ให้ความมั่นใจผ่านดิสเบรคในล้อหน้า ส่วนด้านท้ายเป็นดรัมเบรก ที่เสริมความมั่นใจในการหยุด ด้วยการให้ระบบ ABS ที่เสริมการกระจายแรงเบรก EBD

เรื่องความปลอดภัยก็ยังจัดมาให้เต็มที่ ยกมาตรฐานในรถซับคอมแพ็คคาร์ ด้วยการนำเทคโนโลยีจากรถใหญ่มาใส่ในรถเล็ก ที่เริ่มด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS ที่ฝั่งคนขับมาพร้อมความอัจฉริยะด้วยระบบ i-SRS และให้ความกระชับด้วยเข็มขัดนิรภัยรั้งกลับอัตโนมัติ และตัวถังปกป้องด้วยเทคโนโลยี G-Con ที่สามารถมั่นใจได้

Honda Brio ใหม่นี้ นับว่าเป็นอีโค่คาร์ที่น่าสนใจไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างเมื่อ honda กล้าได้กล้าเสียอัดเทคโนโลยีเข้ามาเต็มที่ทุกอย่าง ที่ครั้งนี้คู่แข่งอย่างเจ้าตลาดก็คงมีหนาว ส่วนจะคุ้มค่าหรือไม่สุดท้ายอยู่ที่คุณตัดสินใจ

 

ราคาจำหน่าย Honda Brio  

 Honda Brio  M/T รุ่น S ราคา 399,900 บาท

Honda Brio M/T    รุ่น V ราคา  469,500 บาท

Honda Brio A/T    รุ่น  V  ราคา 508,500  บาท

 

Sanook! @uto Comment

 

Honda Brio นี้ถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ได้กว่าในมาตรฐานทางด้านสมรรถนะที่หนือชั้น แน่นอนรถใหม่คันนี้มีดีกรีที่จัดจ้าน แต่อย่างลืมว่า รถรุ่นนี้เกิดมาเพื่อประหยัดไม่ใช่รถสปอร์ต ส่วนความคุ้มค่านั้น ที่เหลือคงอยู่ที่ผู้ซื้อแล้วล่ะ ...