แปลกใจไหม..ทำไมรถใหม่ๆไม่มีเกจจ์วัดความร้อนเครื่องยนต์

แปลกใจไหม..ทำไมรถใหม่ๆไม่มีเกจจ์วัดความร้อนเครื่องยนต์

แปลกใจไหม..ทำไมรถใหม่ๆไม่มีเกจจ์วัดความร้อนเครื่องยนต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างมีการพัฒนารถยนต์มากมายหลากหลายแบบขึ้นมาตอบสนอง พร้อมกับทำให้รถนั้นสามารถตอบโจทย์ทางด้านต่างๆ ได้อย่างลงตัว และเพียงพอต่อการใช้งานจริงๆของผู้ใช้

แม้จะเป้นเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยจะสังเกตมากมาย แต่ปัจจุบันรถยนต์มากมายหลายรุ่นนั้น กำลังมีสิ่งหนึ่งที่หดหายลงไปจากเดิม และถ้าคุณกำลังมองว่าอะไร คำตอบนั้นมันอยุ่ที่ตรงหน้าคนขับเสนมอ และมันก้ค่อนข้างสำคัญ แต่อาจจะไม่มากมายนัก ถ้าไม่ใช่พวกนักซิ่งหรือตีนผียามขับขี่รถยนต์ไปตามท้องถนน

เกจจ์วัดความร้อนนั้น เป็นอะไรที่กำลังค่อยๆจางหายไปจากรถยนต์ในปัจจุบัน โดยที่คุณนั้น อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่อได้รถยนต์คันใหม่ว่า รถเราไม่มีตัวบอกอุณหภูมิของหม้อน้ำ ซึ่งมันอาจจะมีส่วนสำคัญในเสี้ยววินาที เพื่อป้องกันให้คุณระมัดระวังการขับขี่ หรืออาจจะบอกถึงสภาวะการทำงานที่ผิดปกติของเครื่องยนต์

ตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน วัดความร้อน ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการขับขี่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สภาวะการทำงานเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่ปัจจุบัน เจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ไม่ค่อยจำเป็นมากนัก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงรถยนต์กลุ่มซิตี้คาร์ ที่จะนั่งแช่ในการเดินทางมากกว่าวิ่งเสียอีก หนำซ้ำเจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ถูกวิจัยโดยค่ายรถยนต์หลายๆค่ายว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้คนขับมักขับขี่แบบถลุงเครื่องยนต์อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

นาย โรเบิร์ต เดวิส รองประธานอาวุโส ฝ่ายคุณภาพ การวิจัยและพัฒนา ของ Mazda ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเกจวัดความร้อนมักจะแทนที่ด้วยสัญลักษณ์เตือน โดยของมาสด้าเรานั้น เมื่อเครื่องยนต์เย็นจะแทนด้วยสีน้ำเงินเพื่อบอกสถานะ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากวิจัยทางจิตวิทยาของผู้ขับขี่ที่จะขับรถนุ่มนวลมากขึ้นเมื่อเห็นสัญญาณไฟเตือนโผล่ขึ้นมา ซึ่งมันย่อมดีกว่าเกจจ์วัดความร้อนที่วางตรงหน้าตลอดเวลาและผู้ขับขี่จะชินกับเกจจ์เหล่านั้น

ส่วนหนึ่งของเรื่องการริบเอาเกจจ์วัดความร้อนหายไปนั้นก็มาจากการ Warm เครื่องยนต์ก่อนขับขี่ ที่จะพบว่าในคู่มือรถยนต์รุ่นใหม่ๆมักจะให้คำแนะนำว่าไม่ควรเร่งเครื่องยนต์รอบสูง เมื่อเริ่มเดินเครื่องในช่วงแรก และสัญญาณเตือนนั้นก็ช่วยควบคุมพฤติกรรมคนขับได้ดีเช่นกัน ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้นก็เพราะน้ำมันเครื่องหรือกระทั่งปั้มน้ำมันเครื่องนั้นทำงานได้ไม่ดีเท่าไรนัก เมื่อไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

นอกจากหลักการทางจิตวิทยาแล้ว อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ก็ไม่พ้นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทั้งตัวเครื่องยนต์เองที่ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์บล็อคอลูมิเนียม แต่นั่นก็ไม่เท่ากับน้ำมันเครื่องที่มีความลื่นมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ก็ยังสามารถปกป้องเครื่องยนต์ในการถ่ายเทความร้อนได้ดีไม่แพ้กัน ที่ยังไม่นับในเรื่องของระยะการเปลี่ยนถ่ายที่สามารถปกป้องได้สูงขึ้นด้วย

แม้เรากำลังพูดว่าเกจจ์วัดความร้อนนั้นกำลังหายไปจากรถส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในตลาด โดยไม่ได้เกี่ยวกับการลดต้นทุนของบริษัทรถยนต์ ทว่าเจ้าเกจจ์วัดความร้อนนี้ก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่ยังมีให้เห็นอยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่ หรือรถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นต่างๆ ที่ยังมีวางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน เพียงแต่เราจะเห็นมันน้อยลงในกลุ่มรถยนต์ตลาดที่ได้รับความนิยม

ถึงการจากลาขอเกจจ์วัดความร้อนนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับใครที่ใช้รถยนต์คุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่อยู่ตรงหน้ามาอย่างยาวนาน และมันก็ค่อนข้างน่าผิดหวังที่เราจะไม่สามารถสังเกตเกจจ์วัดความร้อนที่จะรู้ว่าเครื่องยนต์มีปัญหาหรือไม่ก็อะไรสักอย่างเสีย โดยที่ไม่ต้องให้มันถึงวาระสุดท้ายได้ ทว่า ข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับก็ไม่พ้นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ช่วยทำให้เรามั่นใจในการขับขี่รถใหม่ๆได้มากยิ่งขึ้นด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook