5 ขั้นกู้รถหลังน้ำท่วม.. อะไรบ้างที่ควรทำ

5 ขั้นกู้รถหลังน้ำท่วม.. อะไรบ้างที่ควรทำ

5 ขั้นกู้รถหลังน้ำท่วม.. อะไรบ้างที่ควรทำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมา เราได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสื่อด้วยกันให้ไปช่วยในการกู้รถที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งพี่ท่านจอดไว้ในย่านบางบัวทอง และที่นั่นเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัยชั้นนำ ที่หลายคนยังเฝ้ารอความชัดเจนจากภาครัฐในการเยียวยา แต่ในนาทีนี้ใครช่วยตัวเองก็ทำไปก่อน

การเข้าไปกู้รถนั้นเริ่มเป็นแนวคิดของคนมีรถหลายๆคนที่ต้องการจะใช้รถหลังจอดทิ้งกันมายาวนานนับเดือน ที่ความจริงแล้วการเข้าไปปลุกชีพรถของพวกท่านกลับคืนมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องรู้จักและการประเมินการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเนื่อง

1.ประเมินสถานการณ์น้ำ ก่อนที่ท่านจะเข้าไปกู้รถของท่านจำไว้ว่า ควรประเมินสถานการณ์น้ำให้ดี เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก และอาจจะมากกว่าการดูความเสียหายรถของท่านเสียอีก การประเมินสถานการณ์น้ำนั้น จำเป็นต้องดูพื้นที่รอบข้าง ไปตลอดจนเส้นทางที่จะออกมายังพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งควรศึกษาก่อนตัดสินใจ ไปกู้ดีหรือไม่ เพราะบางครั้งพื้นที่ๆอยู่อาจจะปลอดภัยที่สุด

2.อย่าไปมือเปล่า เมื่อคุณตัดสินใจไปกู้รถแล้วอย่าลืมพก เครื่องช่างต่างติดตัวไปด้วยบ้าง เช่นน้ำมันหล่อลื่น พวก Sonax ประแจ ไขควง ต่างๆจัดมาให้ครบเซท เผื่อได้ใช้ตอนกุ้รถ ก้ยังดีหว่าไม่มีติดไป ที่สำคัญคือถ้ามีเพื่อนเป็นช่างก็พกไปด้วย เขาจะได้ช่วยคุณดู และตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆได้

3.ประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่จริง เมื่อตัดสินใจว่าจะไปกู้แน่นอนแล้ว ก็ได้เวลาลงพื้นที่ ซึ่งระหว่างทางก็ควรศึกษาระดับน้ำไปด้วยว่าสูงมากน้อยเพียงใด และรถของเรานั้นจะสามารถผ่านจุดที่ลำบากไปได้หรือไม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการกู้

4.ประเมินความเสียหาย เมื่อถึงรถของคุณสิ่งที่แรกที่ต้องทำคือประเมินความเสียหายของรถก่อน โดยอาศัยดูจากคราบน้ำที่ทิ้งเอาไว้ โดยมองดูจุดสูงสุดที่ น้องน้ำเราฝากรอยรักเอาไว้ ซึ่งแบ่งเป็นระดับๆต่างๆ ดังนี้

4.1.รถจมน้ำ ในกรณีรถจมน้ำหมายถึงรถของเราท่วมมิดหลังคา ไปจนกระทั่งเกินครึ่งประตูรถนั้น ถือว่าเป็นความเสียหายที่หนักหน่วงที่สุด ในกรณีนี้คุณไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหาตัวช่วยอย่างรถสไลด์หรือรถยก มาเอารถคุณออกไปจากพื้นที่ และส่งตรงไปยังอู่ทันที เพราะมีโอกาสที่ระบบเครื่องยนต์จะได้รับความเสียหาย

4.2.เสียหายเล็กน้อย ในการประเมินว่ารถเสียหายเล็กน้อยนั้น เราใช้วิธีการสังเกตระดับคราบน้ำเช่นกัน โดยระดับน้ำสูงสุดนั้น ไม่ควรพ้นขอบประตูด้านล่าง หรือเต็มที่คือไม่เกิน 3 ใน 4 ของประตูบน ซึ่งระดับดังกล่าวนั้น เป็นดับที่เครื่องยนต์จะไม่ได้รับความเสียหาย แต่จะมีน้ำไหลเข้าไปในท่อบ้าง เช่นเดียวกับระบบเบรคที่อาจจะมีการติดขัด เนื่องจากแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน

5.ได้เวลากู้รถ เมื่อคุณทราบความเสียหายแล้วก็ได้เวลาที่เราจะกู้รถกันเสียที การกู้รถนั้นในขั้นตอนนี้ผมจะขอข้ามในหมวดรถที่จมน้ำไป เพราะ รถกลุ่มนั้นจะต้องเป็นเรื่องของการยกไปสู่อู่จัดการเป้นขั้นตอน ตามที่ผมเคยได้พูดไปในเรื่อง ดูแลรถหลังน้ำท่วม ที่สามารถกดอ่านได้ที่นี่ แต่สิ่งที่ผมจะพูดต่อไป คือการกู้ความเสียหายส่วนน้อยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

5.1 เปิดประตูดูภายในรถ เมื่อตรวจเช็คภายนอกกันเสร็จแล้ว ก่อนจะกู้รถ คุณก็ต้องตรวจสอบภายใน ดูว่ามีน้ำซึมเข้ามาบ้างหรือไม่ และมาก-น้อยเพียงใด ถ้าไม่ก็แล้วไป จากนั้น ตรวจสอบระบบปรับอากาศ รวมถึง เปิดประตูทั้ง 4 บาน หาความเป็นไปได้ที่อาจจะมีเพื่อนร่วมทาง เช่นหนู หรือ งู ที่อาจจะมากับน้ำได้

5.2 เปิดฝากระโปรง เมื่อตรวจสอบภายในรถเสร็จ ก็เปิด ประตูทิ้งไว้ก่อนเพื่อระบายอากาศ และกลิ่น ต่อมาที่การเช็คอัพในห้องเครื่องยนต์ โดยดูระดับน้ำสูงสุดเช่นกัน โดยดูจากคราบสนิมขาวที่อาจจะเกิดขึ้น หรือคราบสนิม ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นระดับน้ำสูงสุด แล้วอย่าลืมชักที่วัดน้ำมันเครื่องดูว่า น้ำมันเครื่องมีลักษณะเป็นโคลนหรือไม่ ถ้าเป็น อย่าสตาร์ทเครื่อง แสดงว่ามีน้ำเข้าเครื่องยนต์

5.3 ได้เวลาลุ้ ถ้าตรวจเช็คเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อสตาร์ทติดแล้วให้ดูอาการของเครื่องยนต์ฟังเสียงว่ามีความปิดปกติหรือไม่ ถ้าไม่มีให้เดินเบาทิ้งเอาไว้ก่อน และคอยตรวจสอบ บางครั้ง เครื่องยนต์อาจจะมีบ้างที่เดินกระพือแต่ก็ไม่ต้องตกใจไป ถ้าดับให้สตาร์ทใหม่ พร้อมตรวจท่อไอเสียด้วยว่า มีน้ำไหลออกมามากน้อยเพียงใด และหลังจากเดินเบาสักระยะ 3-5 นาที ลองเร่งดูบ้างตามความเหมาะสม แต่ไม่ต้องเร่งเยอะมาก สัก 2000- 3000 รอบ ก็พอ

5.4 ลองเลื่อนรถ ถ้าเครื่องยนต์ดูแล้วปกติ ก็ได้เวลาลองเลื่อนรถดูว่า รถคุณมีความผิดปกติ ด้านการขับขี่หรือไม่ โดยมาก เราพบว่า รถส่วนใหญ่อาจจะพบปัญหาเบรกติด โดยเฉพาะรถที่เป็นระบบดรัมเบรก ลองขยับดูก่อนสัก 2-3 ที อาจจะดีขึ้น

ทั้งนี้การกู้รถที่เสียหายเล็กน้อยนั้นควรทำโดยไว เพราะ รถที่จอดทิ้งไว้นานหลังน้ำลดเสี่ยงต่อการเกิดสนิมและความเสียหายต่อชิ้นส่วนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน และ อย่าลืม เมื่อน้ำลดแล้ว ควรรีบทำการตรวจสอบสมรรถนะของภาพ เจีดเวลาไปหาช่างบ้าง อย่างใช้อย่างเดียว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook