ไฟตัดหมอก ...อีกทีดีไหม ..จะได้ใช้ให้เป็น

ไฟตัดหมอก ...อีกทีดีไหม ..จะได้ใช้ให้เป็น

ไฟตัดหมอก ...อีกทีดีไหม ..จะได้ใช้ให้เป็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

          กลายเป็นกระแสที่มีการพูดถึงในโลกไซเบอร์กันอย่างโจ่งครึ้ม เกี่ยวกับมาตรฐานใหม่รถยนต์ ที่กลายเป็นเรื่องชาวบ้านรำคาญกันทั่วหน้า โดยเฉพาะ "ไฟตัดหมอก" ที่กลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ สำหรับรถยนต์หลายรุ่นในปัจจุบัน

            ไฟดวงเล็กๆ ชุดที่สองที่เข้ามาอยู่ในรถรุ่นใหม่หลายรุ่น กลายมาเป็นปัญหาสำหรับการขับขี่อย่างมากกับคนเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อการใช้งานของมันง่ายดาย และให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างมาก ทำให้ หลายคนมักเข้าใจผิด ในเรื่องการใช้งานว่า "ไฟตัดหมอก" จะสามารถใช้แทนไฟหน้า ได้ หรือไม่ ก็ใช้คู่กันไปเลย แต่วันนี้เราจะพามารู้จักการทำงานไฟตัดหมอกอย่างถ่องแท้กัน

ไฟตัดหมอกคืออะไร

            ไฟตัดหมอกอาจจะเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเรา แต่สำหรับต่างประเทศแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะด้วยสภาพอากาสที่หนาวเย็น ทำให้ในช่วงค่ำคืนหรือเช้ามืดในต่างประเทศจะเกิดหมอกควันได้ง่ายคล้ายกับทางเหนือของประเทศไทย ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ยิ่งแย่ลงกว่าปกติ

            ประเด็นนี้เองจึงเป็นที่มาของไฟตัดหมอก เกิดขึ้นมาด้วยความต้องการช่วยให้ความมั่นใจยิ่งขึ้นในการขับขี่ เพิ่มความเข้มแสงให้ทะลุทะลวงผ่านหมอกที่บดบัง ทำให้วิศวกรคิดย่อขนาดสปอร์ตไลท์ให้เล็กลงกว่าเดิมแล้วเรียกว่า Fog Lamp จนเป็นที่มาของคำว่า "ไฟตัดหมอก" โดยติดตั้ง อยู่ด้านล่างของกันชนหน้า ด้วยการใช้หลอดไฟแบบ H3 ซึ่งจะเป็นไส้หลอดเดียวกับไฟสปอร์ตไลท์ แต่บังคับให้มันมีความเข้มเพียง 55 วัตต์ เท่านั้น ทำให้มีกำลังส่องที่น้อยกว่ แต่ยังให้การกระจายแสงแบบเดียวกับ สปอร์ตไลท์

หลักการใช้งาน

            เมื่อมองตามวัตถุประสงค์การใช้งานแล้ว จะเห็นได้ว่า "ไฟตัดหมอก" เกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการช่วยผุ้ขับขี่ในภาวะที่ทัศนวิสัย แต่ปัจจุบัน มันกลายเป็นสิ่งที่คนไทยคิดว่า มันคือแฟชั่นในการใช้งาน บ้างอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่วันนี้เราจะมาย้ำกันอีกรอบว่า ไฟตัดหมอก ควรจะใช้เมื่อไร กัน

1.    หมอกลง .. ชื่อของมันก็ชัดเจน แล้วว่าไฟตัดหมอก ควรใช้เมื่อขับรถอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีสภาวะอากาศมีหมอก ควัน บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ซึ่งไฟตัดหมอกช่วยให้เป็นที่สังเกตต่อเพื่อร่วมทางและสร้างทัศนวิสัยในการขับขี่

2.    ฝนตก ไฟตัดหมอก ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ตอนหมอกลงเพียงอย่างเดียว แต่ในช่วงฝนตก ที่น้ำฝนบนถนนลดการส่องสว่างของไฟหน้ารถคุณ ไฟตัดหมอกจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้ และ ยังลดการสะท้อนของแสงจากพื้นถนนที่มีน้ำได้อีกด้วย  

ในการเปิดใช้ไฟตัดหมอก ตามปกติค่ายรถยนต์ทุกเจ้าจะมีการแยกสวิทช์ชุดไฟตัดหมอก ออกจากไฟหน้ารถอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถทำงานแยกส่วนได้ โดยไฟตัดหมอกจะทำงานตั้งแต่เริ่มเปิดไฟหรี่ ทำให้หลายคนเกิดความเข้าผิดว่า เปิดไฟตัดหมอกก็สว่าง ทั้งที่ไฟตัดหมอก ต้องใช้ร่วมกับไฟหน้า และในรถบางรุ่นยังทำงานร่วมกับไฟตัดหมอกหลังเพื่อช่วยให้เป็นที่สังเกตุไฟง่าย แต่เพื่อนร่วมทาง

ดูชัดๆ นี่คือหลอด H3 ที่ใช้ในไฟตัดหมอก

การใช้งาน "ไฟตัดหมอก" ที่ถูกต้อง

เปิดไม่ถูกมีปรับ .. .

      แม้จะเป็นข้อหาที่ยิบย่อยมาก แต่การเปิดไฟตัดหมอกอย่างไม่ถูกต้อง นอกจากจะรบกวนเพื่อนร่วมทาง ยังเป็นสิ่งล่อตาล่อใจตำรวจ  ที่กฏหมายมีการระบุเกี่ยวกับการใช้ไฟตัดหมอก เอาไว้อย่างชัดเจน ว่า การทำลายทัศนวิสัยการมองของผู้ใช้ทางถือเป็นความผิด โดยเจ้าหน้าที่เรียกปรับ 200-500 บาท เป็นค่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการใช้งาน

     อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่าค่าปรับคือเรื่องมารยาทในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งพวกเราทุกคนควรจะช่วยกันในการทำให้ ถนนน่าขับขี่ .. และ การใช้ "ไฟตัดหมอก" อย่างถูกที่ก็จะช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ดารขับขี่ที่ดีบนถนน รวมถึงยังลดการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจจะมาจาดจุดเล็กๆอย่างแสงไฟตัดหมอกของคุณก็เป็นได้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook