รีวิว Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 ลิตร MY2016 ใหม่ หล่อเหมือนเดิมแต่เสริมความไฮโซ

รีวิว Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 ลิตร MY2016 ใหม่ หล่อเหมือนเดิมแต่เสริมความไฮโซ

รีวิว Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 ลิตร MY2016 ใหม่ หล่อเหมือนเดิมแต่เสริมความไฮโซ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ผลพวงจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2559 นั้น ทำให้ค่ายรถในไทยต้องผุดกลยุทธ์การทำตลาดปรับสินค้าให้เข้ากับราคาที่เพิ่มขึ้น 


     เช่นเดียวกับ Mitsubishi Triton รุ่นปี 2016 ใหม่ ที่เรามีโอกาสเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ ที่มีการปรับไลน์อัพการจำหน่ายใหม่ทั้งหมด โดยลดจำนวนรุ่นย่อยจากทั้งหมด 24 รุ่น ลงเหลือ 16 รุ่น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงมีการปรับเพิ่มและลดอ็อพชั่น ซึ่งทีมงาน Sanook! Auto จะพาไปแนะนำกันครับ

     มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นปี 2016 ใหม่ ยังคงมีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ประกอบด้วย ดับเบิ้ลแค็บ, เมกะแค็บ และซิงเกิ้ลแค็บ ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ ซึ่งคันที่เรามีโอกาสทดสอบในครั้งนี้ เป็นรุ่นท็อปสุดของตัวถังแบบดับเบิ้ลแค็บ นั่นคือรุ่น 2.4 GLS-LTD 4WD ที่มีอุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งมาให้ครบครันมากที่สุดนั่นเอง

 

     รูปลักษณ์ภายนอกของ Triton MY2016 ใหม่ ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าแบบ Bi-XENON โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ออกแบบรับกับกระจังหน้าโครเมี่ยมทรงเดิมเป๊ะ

     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรงตั้ง พร้อมกันชนท้ายสีเงิน-ดำออกแบบให้เป็นบันไดในตัว ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ติดตั้งไว้บริเวณฝากระบะเหนือมือเปิด ขณะที่กล้องมองหลังถูกติดตั้งแยกออกมาไว้ด้านข้าง ในรุ่น 2.4 GLS-LTD 4WD คันนี้ ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีเงิน พร้อมยางขนาด 245/65 R17 มาให้

 

     ห้องโดยสารภายในเน้นโทนสีดำตัดด้วยสีเงินตามจุดต่างๆ แผงคอนโซลตกแต่งด้วยสีดำเงาดูหรูหรา ติดตั้งเครื่องเสียงไซส์มาตรฐาน 2DIN หน้าจอสัมผัส รองรับการใช้งาน FM/AM สามารถเล่นแผ่น DVD/MP3 โหลดทางด้านหน้าฟร้อนท์ได้จำนวน 1 แผ่น รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth รองรับการเชื่อมต่อ USB โดยตัวพอร์ตถูกติดตั้งไว้ใกล้กับช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ สะดวกต่อการใช้งาน ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 6 จุดรอบคัน

     หน้าจอชุดนี้ยังใช้แสดงภาพจากกล้องมองหลังขณะเข้าเกียร์ถอยได้ ขณะที่ระบบนำทาง Navigation จะถูกติดตั้งไว้ในตัวดับเบิ้ลแค็บ GLS-LTD ที่เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น นอกจากนั้นคงต้องไปติดตั้งเพิ่มเติมเอง

 

     ไล่มาทางด้านล่างจะพบกับแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-zone สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ สามารถปรับอุณหภูมิได้ครั้งละ 0.5 องศาเซลเซียส ขณะที่คันเกียร์เป็นแบบขั้นบันได สามารถผลักไปด้านขวาจากตำแหน่งเกียร์ D เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดเกียร์ธรรมดาได้ โดยแป้น ‘+’ จะต้องผลักไปข้างหน้า สลับกับแป้น ‘-‘ ที่ดึงลงมาด้านหลัง

 

     จุดเปลี่ยนสำคัญภายในห้องโดยสารก็คือพวงมาลัยแบบ 4 ก้านหุ้มหนัง ที่ยกมาจาก ปาเจโร่ สปอร์ต พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ช่วยให้ตัวรถดูหรูหรามากขึ้น สวิตช์บนพวงมาลัยฝั่งซ้ายสำหรับควบคุมเครื่องเสียง ฝั่งขวาสำหรับควบคุมระบบ Cruise Control ขณะที่แป้นเปลี่ยนเกียร์เป็นแบบยึดติดกับคอพวงมาลัย คล้ายกับซุปเปอร์คาร์แพงๆบางรุ่น ซึ่งข้อดีคือตัวแป้น +,- จะไม่ขยับตามการหมุนพวงมาลัย จะได้ไม่เกิดความสับสนหากต้องเปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าโค้ง หรือขณะเลี้ยวนั่นเอง

     การใช้งานระบบ Paddle Shift ของมิตซูบิชิ ไทรทัน ผู้ขับขี่สามารถกดแป้น + หรือ – เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดแมนนวลได้ทันทีระหว่างขับขี่ ซึ่งมีประโยชน์ในการเรียกกำลังเร่งแซง หรือเพิ่มเอนจิ้นเบรกขณะลงเขา เป็นต้น

 

     ในรุ่น GLS-LTD ทั้งรุ่นพลัสและขับเคลื่อนสี่ล้อ มาพร้อมกุญแจระบบ KOS สามารถล็อค-ปลดล็อครถได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า โดยในรุ่นดับเบิ้ลแค็บจะมีสวิทช์ควบคุมระบบล็อกประตูติดตั้งบริเวณมือเปิดประตูคู่หน้า ซึ่งกุญแจ KOS นี้จะทำงานร่วมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เพียงแค่ให้ตัวกุญแจอยู่ภายในห้องโดยสาร อาจจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือ ก็สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ทันที

     นอกจากนั้น ยังมีระบบอำนวยความสะดวก ETACS (Electronic Time and Alarm Control System) ซึ่งจะช่วยพับกระจกมองข้างให้อัตโนมัติเมื่อล็อครถ, ปรับความเร็วที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติตามความเร็วรถ, ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเหมือนดับเครื่องยนต์, เปิดไฟเลี้ยวให้ 3 ครั้งอัตโนมัติเมื่อยกก้านเพื่อเป็นเลน ฯลฯ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ก็คือระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS ที่จะกระพริบไฟฉุกเฉินถี่ๆ เมื่อลดความเร็วลงกะทันหันหรือเบรกจนกระทั่งระบบ ABS เริ่มทำงาน เพื่อเตือนรถที่ตามหลังมา

 

     มิตซูบิชิ ไทรทัน ทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่น 2WD ช่วงล่างเตี้ย) ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลความจุ 2.4 ลิตร 4 สูบ DOHC อลูมินัมอัลลอยบล็อก ที่ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ซึ่งมาพร้อมระบบ MIVEC ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีแบบแปรผัน และ VG Turbo แปรผัน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของไทรทันมาตั้งแต่เปิดตัว

     ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม Sport Mode ซึ่งน่าเสียดายที่ยังไม่นำเอาเกียร์ 8 สปีด ในปาเจโร่สปอร์ตมาใช้

 

     จุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างสำหรับโมเดลปี 2016 คือการติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II เช่นเดียวกับปาเจโร่สปอร์ต พร้อมเฟืองท้าย Diff Lock ซึ่งจุดเด่นของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้ ถือการรวมเอาข้อดีของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์และฟูลไทม์เข้าไว้ด้วยกัน ปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อนติดตั้งไว้ใกล้กับคันเกียร์ ซึ่งประกอบไปด้วย 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc

     โดยในระบบขับเคลื่อนสองล้อ 2H จะส่งกำลังไปล้อคู่หลังทั้งหมด ขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4H จะเป็นการทำงานลักษณะเดียวกับระบบขับสี่แบบฟูลไทม์ โดยจะมีการถ่ายกำลังไปยังล้อคู่หน้า 40% และล้อคู่หลัง 60% บนถนนแห้ง และ 50:50 เท่าๆกันบนถนนเปียก โดยจะทำงานควบคู่ไปกับระบบ All Wheel Control เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน และช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะขับขี่

 

     ช่วงล่างด้านหน้าของไทรทันเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนติดตั้งเหนือเสื้อเพลา พร้อมโช๊คอัพไขว้ที่ออกแบบให้รองรับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น  ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัมตามฉบับรถกระบะทั่วไป

     ด้านระบบความปลอดภัย มีการเพิ่มถุงลมนิรภัยรอบคันถึง 7 ใบ ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม และถุงลมลดอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าฝั่งคนขับ เทียบเท่ามาตรฐานเก๋งยุโรปเลยทีเดียว ขณะที่ระบบอื่นๆ ยังคงจัดมาให้แบบครบๆ เช่น ระบบเบรก ABS/EBS และระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ASTC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด 4 ที่นั่ง และแบบ 2 จุด 1 ที่นั่ง คู่หน้ามีระบบ Pretensioner ดึงกลับอัตโนมัติมาให้

 

     สรุปสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน Mitsubishi Triton รุ่นปี 2016 ใหม่ มีดังนี้ (อุปกรณ์จะต่างออกไปในแต่ละรุ่นย่อย)

  • ระบบ All Wheel Control
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II
  • พวงมาลัยมิลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง 4 ก้านมี Paddle Shift พร้อมเลขบอกเกียร์
  • ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 ใบ
  • ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS

 

     อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า คันที่เราทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุดของไทรทันเท่าที่มีจำหน่าย ซึ่งก็คือ Double Cab 2.4 GLS-LTD 4WD นั่นเองครับ

     เริ่มออกเดินทางจากสำนักงานใหญ่ของมิตซูบิชิ มุ่งหน้าไปยัง จ.ปราจีนบุรี โดยใช้เส้นทางพหลโยธินที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่ง มิตซูบิชิ ไทรทัน ยังคงความโดดเด่นในด้านอัตราเร่งที่มาแบบทันใจ พุ่งทะยานแตะความเร็ว 120 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยแรงบิดที่มีให้เค้นถึง 430 นิวตัน-เมตร ขณะที่พวงมาลัยแบบ 4 ก้านหุ้มหนังมีขนาดก้านที่ใหญ่ จับกระชับมือ

     หากต้องการเร่งแซงแบบไม่รีบร้อนนัก แค่เติมคันเร่งลงไปเล็กน้อยก็เพียงพอให้แซงรถคันอื่นได้สบายๆแล้ว แต่หากเป็นถนน 2 เลนสวนที่ต้องใช้ความรวดเร็ว สามารถกดแป้นเปลี่ยนเกียร์เพื่อเรียกแรงบิดมหาศาลลงสู่ล้อ ซึ่งการสั่งงานผ่าน Paddle Shift ค่อนข้างเร็ว ฉับไว อาการ Lag ให้เห็นน้อยมาก

 

     ด้านช่วงล่างนั้น ยังคงไว้ซึ่งความแน่นหนึบตามสไตล์มิตซูบิชิ ช่วยให้ใช้ความเร็วสูงบนถนนหลวงได้อย่างมั่นใจ ขณะที่อาการโคลงก็มีให้เห็นน้อยมาก แม้ในขณะเข้าโค้ง แต่ก็ยังสามารถโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย แต่หากต้องขับผ่านช่วงที่มีหลุมบ่อ ก็จะเกิดอาการกระด้างให้เห็นบ้าง แต่ในภาพรวมถือว่าดีมากแล้ว

     การเก็บเสียงในรุ่น Double Cab นั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของไทรทันใหม่ ด้วยการบุวัสดุซับเสียงรอบคัน จึงทำให้สามารถพูดคุยกับคนในรถได้โดยไม่ต้องตะเบงเสียง ให้ความเงียบในขณะใช้ความเร็วสูง จะมีก็เสียงลมที่ดังให้ได้ยินเป็นระยะเท่านั้น

 

     นอกจากนั้น การทดสอบครั้งนี้เรายังได้สัมผัสการขับขี่แบบออฟโรด แต่เป็นการขับออฟโรดที่ใช้ความเร็วพอประมาณ ไม่ใช่การไต่เขาฝ่าอุปสรรคประเภทโคลนหรือหินอะไรแบบนั้น ซึ่งช่วยให้เห็นการทำงานของระบบ Super Select 4WD พร้อม All Wheel Control ในโหมด 4H ที่ยังสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยวงเลี้ยวที่แคบ ไม่มีอาการลื่นไถล หรือบานออกขณะเข้าโค้งแรงๆ เหมือนกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสมัยก่อน

 

     สรุป Mitsubishi Triton MY2016 ยังคงคุณงามความดีหลายประการเอาไว้ ทั้งด้านอัตราเร่งจากเครื่องยนต์ ช่วงล่างที่แน่นหนึบ ไว้ใจได้ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร แต่ได้เพิ่มเอาฟีเจอร์ต่างๆที่พบได้ใน ปาเจโร่ สปอร์ต มาไว้ในกระบะคันนี้ ซึ่งพระเอกของเราคงหนีไม่พ้นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II และ All Wheel Control รวมถึงถุงลมนิรภัยที่มีให้ถึง 7 ใบ จึงถือว่าเป็นกระบะที่ไม่ควรมองข้ามรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

     ราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 GLS-LTD 4WD MY2016 ใหม่ อยู่ที่ 1,049,000 บาท

 

     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ และคอยอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

 

 

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ ของ รีวิว Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 ลิตร MY2016 ใหม่ หล่อเหมือนเดิมแต่เสริมความไฮโซ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook