รีวิว Nissan Note 2017 ใหม่ อีโคคาร์ฟังก์ชั่นล้ำในราคาคุ้มค่า

รีวิว Nissan Note 2017 ใหม่ อีโคคาร์ฟังก์ชั่นล้ำในราคาคุ้มค่า

รีวิว Nissan Note 2017 ใหม่ อีโคคาร์ฟังก์ชั่นล้ำในราคาคุ้มค่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ตลาดรถยนต์นั่งระดับอีโคคาร์ในปัจจุบัน ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีเรื่อยมา อันเห็นได้จากการเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแนะนำอีโคคาร์เฟส 2 ในอนาคตที่น่าจะเรียกกระแสอีโคคาร์ให้คึกคักมากยิ่งขึ้น

     นิสสัน โน๊ต 2017 เป็นอีโคคาร์อีกหนึ่งรุ่นที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวในบ้านเรา อันที่จริง Note เองควรจะเปิดตัวในบ้านเรามานานแล้ว เพราะด้วยดีไซน์พิมพ์นิยมที่น่าจะถูกใจชาวไทย สามารถใส่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำตลาดกับคู่แข่งระดับ B-Segment ที่นิสสันยังมีช่องโหว่ในตลาดนี้ได้อย่างสบาย แต่เอาน่ะ! ถึงจะมาช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา

136

     Nissan Note 2017 ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในบ้านเราเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา โดยรถรุ่นนี้ถูกทำตลาดในต่างประเทศจนกระทั่งได้รับการไมเนอร์เชนจ์แล้ว แต่สำหรับตลาดไทยได้นำเอาโฉมไมเนอร์เชนจ์นี่แหละ มาเป็นโมเดลใหม่ของบ้านเรา ซึ่งก็ถือว่าสดใหม่อยู่พอสมควร ซึ่งอนาคตเมื่อถึงคราวฟูลโมเดลเชนจ์จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องค่อยว่ากัน เพราะอายุตลาดโมเดลนี้ก็ถือว่าผ่านมาครึ่งทางแล้ว

     ปัจจุบัน Nissan Note ถูกทำตลาดควบคู่ไปกับรุ่น March โดยตัดรุ่นท็อปของ March ออก แล้วจึงเสียบ Note เข้าไปแทน โดย Note จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 1.2 V และ 1.2 VL  มีราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 72,000 บาท ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร

132

     Nissan Note ใหม่ ถูกวางให้เป็นรถอีโคคาร์ที่มีขนาดบอดี้ใหญ่มากขึ้น เน้นจับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบฟังก์ชั่นล้ำสมัย เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก และยังสามารถขับออกนอกเมืองได้ ห้องโดยสารเน้นความอรรถประโยชน์ พร้อมดีไซน์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น และยังเป็นอีโคคาร์รุ่นแรกของนิสสันที่มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Nissan Intelligent Mobility’ ซึ่งเน้นความปลอดภัยระดับสูงและการประหยัดน้ำมันที่ดี

232

     ตัวถังของ นิสสัน โน้ต 2017 มีลักษณะเป็นแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตู เน้นดีไซน์ที่ดูปราดเปรียวโฉบเฉี่ยว แต่ยังคงไว้ซึ่งความโอ่โถงของห้องโดยสาร ด้านหน้าของรุ่น 1.2 VL ถูกติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟ Signature Light แบบ LED ซึ่งจะสว่างขึ้นเมื่อเปิดไฟหรี่ มาพร้อมระบบปรับมุมสูง-ต่ำได้ ออกแบบรับกับกระจังหน้าทรง V-Motion เอกลักษณ์ของนิสสัน กันชนหน้าถูกตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมตัดหมอกคู่หน้าแบบฮาโลเจน

236

     เส้นสายด้านข้างถือเป็นพิมพ์นิยมสำหรับรถแฮทช์แบ็ค ด้วยการออกแบบให้มีกระจกหูช้างคู่หน้า และกระจกโอเปร่าด้านหลัง กระจกมองข้างแบบปรับ-พับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ถูกติดตั้งยึดไว้กับบานประตู ตัวถังด้านข้างออกแบบให้มีเส้นเว้าช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวรถ พร้อมมือเปิดประตูชุบโครเมียมเพิ่มความหรูหรา

     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ Signature Light ดีไซน์แบบบูมเมอแรง พร้อมไฟเบรกแบบ LED ชุดไฟออกแบบให้มีลักษณะกึ่งโคมดำเพิ่มความสปอร์ต ติดตั้งสปอยเลอร์บนประตูหลังมาให้เฉพาะรุ่น 1.2 VL ขณะที่เสาอากาศรับวิทยุจะถูกติดตั้งไว้เหนือหลังคาช่วงหลัง ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/65 R15

228

     ขนาดตัวถังของ Nissan Note ถือว่าเป็นจุดเด่นในรถระดับเดียวกัน ด้วยความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,105 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ความสูง 1,535 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร หากเทียบกับอีโคคาร์ตัวถังแฮทช์แบ็คด้วยกันพบว่า Note มีขนาดใกล้เคียงกับ Toyota Yaris (4,115x1,700x1,475 มม.) ขณะที่อีโคคาร์รุ่นอื่น Note มีขนาดใหญ่กว่าชาวบ้านเขาหมด และยังมีขนาดใหญ่กว่า B-Segment ขนาด 1.5 ลิตรอย่าง Honda Jazz ด้วย (3,955x1,695x1,525 มม.)

     ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว รถยนต์ทั้ง 3 รุ่นที่ยกตัวอย่างมานั้น (Yaris, Note และ Jazz) ในตลาดโลกก็ถือเป็นรถในระดับเดียวกัน เพียงแต่ถูกนำมาจับใส่เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เพื่อให้เข้าเกณฑ์อีโคคาร์ในบ้านเราเท่านั้นเอง

144

     ห้องโดยสารของ Note ถูกตกแต่งเน้นโทนสีดำเป็นหลัก เบาะนั่งถูกหุ้มด้วยผ้าสีดำสลับสีเบจ เบาะนั่งฝั่งคนขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ (ซึ่งแม้ว่าจะปรับให้ต่ำที่สุดแล้ว สำหรับตัวผู้เขียนเองก็ยังถือว่าค่อนข้างสูงอยู่ดี) เบาะนั่งด้านหลังในรุ่น 1.2 VL สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ ตัวฟองน้ำที่บุภายในเบาะมีลักษณะค่อนข้างนิ่มยวบไปสักนิด อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวขณะนั่งไปนานๆ

     การซัพพอร์ตต้นขาและแผ่นหลังของตัวเบาะนั่งคู่หน้าถือว่ารับได้ แม้ว่าว่าพนักพิงหลังจะซัพพอร์ตแผ่นหลังช่วงบนได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก ขณะที่ตัวเบาะรองนั่งก็มีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ก็คือเบาะนั่งด้านหลัง ที่มีฐานเบาะค่อนข้างสั้น ไม่สามารถซัพพอร์ตต้นขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็แลกมาด้วยพนักพิงที่สามารถปรับเอนได้

181

     ดีไซน์คอนโซลหน้าถูกยกมาจาก March/Almera แทบทั้งหมด ต่างกันที่ช่องแอร์ตรงกลางแบบกลม ตกแต่งคอนโซลด้วยสีดำ Piano Black ในรุ่น 1.2 VL ติดตั้งเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ CD/DVD/MP3 ได้ 1 แผ่น รองรับการเชื่อมต่อ USB/Bluetooth พร้อมช่อง AV-in และ HDMI พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย ขับกำลังเสียงผ่านลำโพงรอบคัน 4 จุด

155

     ไล่ลงมาเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติทรงกลมหน้าตาคุ้นเคยดีซึ่งยกมาจาก March/Almera เช่นกัน ติดตั้งช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งไว้ข้างใต้ ขณะที่บริเวณแผงประตู ไม่ว่าจะเป็นมือเปิดประตูแบบโครเมียมและสวิตช์ควบคุมกระจกไฟฟ้ามีลักษณะเหมือนอีโคคาร์รุ่นน้องด้วยเช่นกัน

146

     ฝั่งผู้ขับขี่ติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้านดีไซน์ใหม่แบบเดียวกับ March เวอร์ชั่นยุโรปที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ตัวพวงมาลัยให้ความแบกระชับค่อนข้างดี มีเว้าช่วยจับให้ถนัดมือ ออกแบบให้วงพวงมาลัยตัดตรงด้านล่างเพิ่มความสปอร์ต และช่วยให้มีพื้นที่ช่วงขาเพิ่มขึ้น ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ทั้งหมดถูกติดตั้งไว้ฝั่งซ้ายของพวงมาลัย

     ขณะที่กุญแจรีโมทและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ถูกติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เหนือเพดานเป็นไฟในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และกลางห้องโดยสาร ซึ่งตำแหน่งด้านหน้าไม่สามารถเปิดแยกซ้าย-ขวาได้ มีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ให้ 1 ตำแหน่ง รวมถึงช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จไฟอีก 1 ตำแหน่ง บริเวณที่วางแขนระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า

159

     ในรุ่น 1.2 VL ติดตั้งกล้องมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ซึ่งสามารถใช้แสดงผลจากกล้องมองภาพทิศทาง Intelligent Around View Monitor ได้ มาพร้อมฟีเจอร์ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลเคลื่อนไหวได้ (Moving Object Detection) แต่การที่ติดตั้งจอแสดงภาพไว้กับกระจกมองหลังนั้น แน่นอนว่าภาพที่ได้จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก และยังเบียดเบียนพื้นที่ในการมองกระจกหลังส่วนหนึ่งออกไปด้วย จึงจำเป็นต้องใช้งานให้ชินกันสักเล็กน้อย รวมถึงไม่มีเซ็นเซอร์สำหรับกะระยะด้านท้ายมาให้

     ด้านระบบความปลอดภัยถือเป็นฟีเจอร์เด่นใน นิสสัน โน๊ต ใหม่ เพราะนอกจากจะถูกติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันแล้ว ยังมีระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking) ที่สามารถตรวจจับรถยนต์และบุคคลได้ รวมถึงระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning) ซึ่งทุกระบบทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้งไว้บริเวณกระจกบังลมหน้า

165

     ขณะที่ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมีมาให้อย่างครบครันในทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ VDC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 5 ที่นั่ง, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX เป็นต้น

153

     ขุมพลังของ Nissan Note 2017 ถูกยกมาจาก March/Almera เช่นกัน โดยเป็นเครื่องยนต์รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC ความจุ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ X-TRONIC CVT พร้อมระบบ D-Step Logic ที่ช่วยเสริมการทำงานของเกียร์ให้สัมพันธ์กับสภาพการขับขี่มากขึ้น

     อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงของ Note 2017 ถูกเคลมไว้ที่ 20 กม./ลิตร ตามมาตรฐานอีโคคาร์ รองรับพลังงานทางเลือก E20 ได้

     โครงสร้างช่วงล่างของ Note ถูกยกมาจาก Almera แทบทั้งหมด ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งพวงมาลัยแบบไฟฟ้า EPS พร้อมระบบเบรกแบบหน้าดิสก์-หลังดรัมทุกรุ่นย่อย

176

     สัมผัสแรกที่ก้าวเข้ามายังห้องโดยสารของ Note 2017 ใหม่ ก็รู้สึกถึงความโล่งโปร่งสบาย ห้องโดยสารสามารถจุผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างเหลือๆ แต่จะติหน่อยก็ตรงที่เบาะนั่งที่มีฐานรองค่อนข้างสั้น และฟองน้ำที่ค่อนข้างนิ่มยวบไปนิด ขณะที่เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง แม้ว่าจะปรับลงมาสุดแล้วก็ตามที

     อัตราเร่งของ Nissan Note ในช่วงออกตัวตั้งแต่ความเร็ว 0-60 กม./ชม. ถือว่าน่าพอใจสำหรับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร บวกกับการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลตามสไตล์ CVT แต่เมื่อพ้นความเร็ว 60 กม./ชม. ก็จะเริ่มมีอาการหน่วงให้เห็นแล้ว การที่ความเร็วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปจนแตะระดับ 100 กม./ชม. ใช้เวลาอยู่พอสมควร ดังนั้น การเร่งแซงในช่วงที่เป็นถนนสองเลนอาจต้องเผื่อระยะห่างระหว่างรถคันที่สวนมาไว้เยอะกว่าปกติสักนิด

101

     แม้ว่าบางช่วงเราสามารถทำความเร็วแตะ 140 กม./ชม. ได้ แต่ก็ใช้เวลาและเค้นคันเร่งกันอยู่พอสมควร แต่ความเร็วที่แนะนำสำหรับ Note อยู่ที่ประมาณ 100-110 กม./ชม. ก็น่าจะเพียงพอ หากขับด้วยความเร็วมากกว่านั้น รอบเครื่องยนต์จะสวิงแทบตลอดเวลา เพราะสมองกลเกียร์จะสั่งให้เปลี่ยนอัตราทดเพื่อเรียกกำลังให้สูงขึ้นอยู่เรื่อยๆ

     ด้านช่วงล่างถือว่าเซ็ทมาให้ค่อนข้างนุ่มนวลทีเดียว รองรับแรงสะเทือนได้ดี สามารถโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย แต่ด้วยตัวถังที่มีลักษณะค่อนข้างสูง ทำให้มีอาการโยนบ้างขณะเข้าโค้ง จึงเหมาะสำหรับการขับขี่แบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบมากกว่า

108

     ขณะที่ระบบเบรกถูกเซ็ทมาค่อนข้างลึก จังหวะที่กดแป้นเบรกลงไปครั้งแรกประมาณ 1 ใน 4 ของระยะทั้งหมด แทบจะไม่มีการลดความเร็วเลย จำเป็นต้องกดเพิ่มเพื่อให้ความเร็วลดลงมา ซึ่งเป็นบุคลิกคล้ายรถยุโรปนิดๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยความชินสักหน่อย จะจึงเบรกได้ตามใจสั่ง

140

     สรุป Nissan Note 2017 ใหม่ ถือเป็นอีโคคาร์ที่สดใหม่ที่สุดในตลาดขณะนี้ ดีไซน์สวยลงตัว ห้องโดยสารกว้างขวาง แต่ติดที่เบาะนั่งโดยสารค่อนข้างเล็ก สมรรถนะจากเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เดินทางต่างจังหวัดนานๆครั้งแบบไม่เร่งรีบ ช่วงล่างเน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย มีฟีเจอร์ความปลอดภัยหลากหลาย และโดดเด่นกว่าอีโคคาร์ระดับเดียวกัน วัสดุภายในหลายจุดอาจดูด้อยไปบ้าง แต่ก็ดีขึ้นกว่า March/Almera

     ด้วยราคาจำหน่ายราว 5 แสนกลางค่อนไปทางปลาย ไปจนถึง 6 แสนกลาง ก็ถือว่าได้ความคุ้มค่าแบบครบครัน เชื่อว่ารถคันนี้มีกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

215

ราคาจำหน่าย Nissan Note 2017 ใหม่

Nissan Note 1.2V ราคา 568,000 บาท
Nissan Note 1.2VL ราคา 640,000 บาท

ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมผัส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

 

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ

อัลบั้มภาพ 48 ภาพ ของ รีวิว Nissan Note 2017 ใหม่ อีโคคาร์ฟังก์ชั่นล้ำในราคาคุ้มค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook