10 อันดับ “รถยนต์” ครองใจนักศึกษาเมืองผู้ดี

     หากคุณกำลังเข้าสู่การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย บางคนอาจต้องการ “รถยนต์” เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการใช้ชีวิต เริ่มจากการขับรถไปเรียน ซึ่งการขับรถในลักษณะเริ่มต้นแบบนี้ เราควรจะขับรถประเภทไหน และราคาเท่าไหร่ “เดอะ ซัน” สื่อดังของอังกฤษมีการจัดอันดับ 10 รถยนต์มือสองที่ครองใจนักศึกษาในอังกฤษ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้รถ

     ทั้งนี้ 10 อันดับรถดังกล่าว เป็นรถยนต์มือสอง ที่อายุใช้งานไม่เกิน 10 ปี และมีเลขไมล์สะสมไม่เกิน 1 แสนไมล์ หรือราว 1.6 แสนกิโลเมตร ที่สำคัญเป็นรถที่มีราคาและคุณภาพสมเหตุสมผลกับการใช้งานเป็นรถคันแรกสำหรับนักศึกษา ซึ่งทั้ง 10 รุ่นจะมีรุ่นไหนตรงใจนักศึกษาในเมืองไทยบ้างหรือไม่ Tonkit360 รวมรวบมาฝากกัน

1.ฟอร์ด เฟียสต้า : ราคามือสอง 700 ปอนด์ หรือราว 30,100 บาท

     ในเมืองไทยอาจจะเป็นรถที่มีปัญหามากที่สุดโดยเฉพาะระบบเกียร์ แต่ “ฟอร์ด เฟียสต้า” คือรถที่ขายที่ดีที่สุดตลอดกาลอังกฤษ โดยขายได้ถึง 4.5 ล้านคัน ซึ่งรุ่นนี้เป็นรถมือสอง เจเนอเรชั่นแรกของเฟียสต้า ซึ่งปัจจุบัน แม้รูปโฉมอาจจะไม่ได้ดูทันสมัยเหมือนรุ่นปัจจุบัน แต่ในอังกฤษ นี่คือรถที่หาอะไหล่ซ่อมได้ง่ายและถูกที่สุดแล้ว

 

2.วอกซ์ฮอลล์ คอร์ซ่า : ราคามือสอง 500 ปอนด์ (ราว 21,500 บาท)

     หากงบไม่ถึงที่จะขับเฟียสต้ามือสอง ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ วอกซ์ฮอลล์ คอร์ซ่า เวอร์ชั่นปี 2006 รถยนต์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ราคาสุดถูกเพียง 500 ปอนด์ หรือราว 21,500 บาท เท่านั้น คันนี้อาจขับไม่สนุกเท่าเฟียสต้า แต่หากวัดกันที่ราคาแล้วเหมาะจริงๆสำหรับนักศึกษาที่เริ่มต้นขับรถไปเรียน

 

3.มินิ :  ราคามือสอง 1,000 ปอนด์ (ราว 43,500 บาท)

     ขยับคลาสขึ้นมาหน่อย หากงบถึง รถสุดคลาสสิคอย่าง “มินิ” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักศึกษาที่จะเริ่มต้นใช้รถได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีผู้ใช้ควรจะดูสรีระตัวเองด้วย เพราะหากตัวใหญ่จนเกินไป คงจะอึดอัดที่จะเข้าไปอยู่ในมินิคันนี้ ที่สำคัญหากได้ขับมินิมือสองรุ่นนี้ สิ่งที่จะได้รับคือเรื่องของความปลอดภัย ที่มีทั้ง เบรกเอบีเอส เทคโนโลยีควมคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง รวมไปถึง ข้อมูลแสดงผลอัตราลมยาง

 

4.เปอร์โยต์ 308 :  ราคามือสอง 900 ปอนด์ (ราว 38,700 บาท)

     อีกหนึ่งรถเล็กรุ่นท็อปฮิตในยุโรป อย่างเปอร์โยต์ 308 ถือเป็นขวัญใจวัยโจ๋ในอังกฤษเช่นกัน หมดปัญหาเรื่องการหาอะไหล่ยาก ที่สำคัญทั้งราคามือสองและราคาอะไหล่ถือว่าจับต้องได้เหมาะกับชีวิตนักศึกษาที่ใช้รถคันนี้เป็นคันแรก

 

5. เฟียต 500  :  ราคามือสอง 2,000 ปอนด์ (ราว 86,000 บาท)

     ยี่ห้อ “เฟียต” อาจไม่ได้เป็นรถท็อปฮิตติดชาร์จ แต่สำหรับ เฟียต 500 ถือเป็นเล็กตระกูลคลาสสิคจากค่าย “เฟียต” ที่หลายคนอยากได้ โดยเฉพาะกับนักศึกษาหญิง ที่สำคัญเจ้าของรถคันเดิมมักจะใช้รถรุ่นนี้แบบทะนุถนอม วิ่งมีเข็มไมล์วิ่ง

 

6.เรโนลต์ คลิโอ  :  ราคามือสอง 700 ปอนด์ (ราว 30,100 บาท)

     หากคุณต้องการรถที่โดดเด่น คงต้องมองข้าม เรโนลต์ คลิโอ คันนี้ไปได้เลย แต่หากต้องการซื้อมาเพื่อใช้งานจริงๆ บอกเลย รถไซส์เล็กแบรนด์ฝรั่งเศสคันนี้ตอบโจทย์แน่นอน เพราะที่คือรถยอดนิยมสำหรับวัยรุ่นมาตั้งแต่ปี 1991 อย่างไรก็ดีสำหรับเวอร์ชั่นมือสองที่แนะนำควรจะเป็น คลิโอรุ่นตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา

 

7.เซียท ไอบิซ่า  :  ราคามือสอง 900 ปอนด์ (ราว 38,700 บาท)

     จริงๆแล้ว เซียท ไอบิซ่า คือคู่ต่อกรกับรถในระดับเดียวกันอย่าง โฟล์คสวาเกน โปโล ซึ่งถ้าพูดถึงสมรรถนะบอกเลย โฟล์ค-โปโล กินขาด แต่หากวัดกันที่ราคาและการใช้งานในระดับเริ่มต้นแล้ว “เซียท ไอบิซ่า” มือสองคันนี้ที่สนนราคา 900 ปอนด์ หรือราว 38,700 บาท น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และเอาเงินส่วนต่างไปซื้ออุปกรณ์การศึกษาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

8.นิสสัน ไมคร่า :  ราคามือสอง 1,100 ปอนด์ (ราว 47,300 บาท)

     นี่คือนิสสัน “มาร์ช” ที่ขายในบ้านเรา ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “โน๊ต” แต่ในฝั่งยุโรจะรู้จักกันดีในนาม “ไมคร่า” เหมาะสำหรับนักศึกษาหญิง ที่ขับรถไม่เร็วมาก แต่ต้องการออฟชั่นในรถแบบจัดเต็ม ที่สำคัญ ไมคร่า คันนี้มันประหยัดน้ำมันแบบสุดๆเลยทีเดียว

 

9.เฟียต พุนโต : ราคามือสอง 1,700 ปอนด์ (ราว 73,100 บาท)

     อีกหนึ่งรถตระกูลเฟียต ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใช้รถในระดับเริ่มต้น โดยพุนโตคันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมัน และยังสามารถบรรทุกของได้มากกว่ารถรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน นี่ถือเป็นรถอีกรุ่นที่ท็อปฮิตของโลก เพราะนับจากปี 1991 เป็นต้นมา รถรุ่นนี้มีตัวเลขการขายทะลุ 6 ล้านคันเข้าไปแล้ว

 

10.โตโยต้า ยาริส :  ราคามือสอง 1,500 ปอนด์ (ราว 64,500 บาท)

     ปิดท้ายกันที่รถอีโค่คาร์ที่ฮ็อตฮิตสุดๆในบ้านเราอย่าง “โตโยต้า ยาริส” ซึ่งในอังกฤษ ก็ถือเป็นตัวเลือกติด 1 ใน 10 ของผู้เริ่มต้นใช้รถเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าตัวเลขราคารถมือสอง และราคาอะไหล่เมื่อถึงเวลาซ่อมจะสูงกว่ารถในฝั่งยุโรป แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือเป็นราคาที่ยอมรับได้สำหรับนักศึกษาที่ใช้เป็นรถคันแรกขับไปมหาวิทยาลัย