5 ข้อต้องทำ หาก “รถ” จมน้ำท่วม

5 ข้อต้องทำ หาก “รถ” จมน้ำท่วม

5 ข้อต้องทำ หาก “รถ” จมน้ำท่วม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ทุกครั้งที่น้ำท่วมสิ่งที่คนใช้รถต้องกุมขมับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์นี้ที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า กรุงเทพมหานครจะถูกฝนถล่มอีกครั้งใกล้เคียงกับวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหาก “รถ” ของคุณเกิดโชคร้ายจมน้ำท่วม จะต้องทำอย่างไร Tonkit360 มีคำแนะนำมาฝากกัน

กำจัดคราบสกปรกออกในเบื้องต้น

     หากรถของคุณจอดแช่น้ำในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโคลน แน่นอนว่า เมื่อน้ำแห้งคราบสกปรกจะเกราะอยู่ในทุกๆจุดของตัวรถ สิ่งแรกควรล้างหรือเช็ดคราบสกปรกออกโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานจนแห้ง อาจส่งผลต่อระบบภายในของรถคุณ

ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด

     จำไว้เลยว่าหากรถจมน้ำจนถึงระดับเครื่องยนต์ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นอันขาด เพราะน้ำที่เข้าไปในระบบทั้งเครื่องยนต์และเกียร์อาจทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะก้านสูบของเครื่องยนต์ ฉะนั้นเมื่อน้ำแห้งให้เรียกรถยกเป็นดีที่สุด

ถอดสายแบตเตอรี่ออกทันที

     นอกจากเรื่องระบบเครื่องยนต์แล้ว ระบบไฟฟ้าก็สำคัญ หากรถจมน้ำถึงระดับเครื่องยนต์ แน่นอนมันย่อมมีผลต่อระบบแบตเตอรี่ ฉะนั้นควรถอยสายแบตเตอรี่ออกทันที เพื่อป้องกันระบบไฟฟ้าในตัวรถลัดวงจร เนื่องจากรถยุคใหม่ควบคุมทุกอย่างด้วยไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น

เช็คที่จุดบุหรี่ว่ามีคราบน้ำหรือไม่

     รถทุกคนย่อมมีที่จุดบุหรี่ ที่ปัจจุบันหน้าที่หลักของมันคือการเสียบชาร์จไฟกับอุปกรณ์ต่างๆขณะขับรถ ซึ่งหากตรวจพบว่ามีคราบน้ำ แสดงว่าระดับน้ำขึ้นสูงถึงระดับคอนโซลและจะส่งผลต่อระบบไฟฟ้าในตัวรถแน่นอ ซึ่งคุณจำเป็นต้องรื้อระบบทั้งหมดในคอนโซนออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งจะดีที่้สุด

ระบบเบรกอย่าคิดว่าไม่สำคัญ

     แน่นอนว่าการที่น้ำท่วมถึงระดับเครื่องยนต์ มันย่อมท่วมมิดล้อรถของคุณ อย่างชะล่าใจว่า ล้อไม่มีผลต่อน้ำท่วม เพราะรถในยุคปัจจุบันเชื่อมกับระบบไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งสายเบรก และเซ็นเซอร์ต่างๆ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือเช็คระบบของเหลวเกี่ยวกับเบรคทั้งหมดและระบบควบคุมไฟฟ้า ที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งได้

     ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 5 เทคนิคเบื้องต้นหากรถของคุณต้องจอดแช่น้ำในระดับมิดล้อ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีจุดต่างๆต้องตรวจสอบ ทั้งกล้อง หม้อน้ำ และลูกปืนล้อ ที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งได้ อย่างไรก็ดีหากรถคุณจมน้ำ คุณยังคงมั่นใจได้ว่า รถของคุณยังสามารถที่ซ่อมและนำกลับมาขับได้แน่นอน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook