ระวัง! ซื้อรถมือสองอาจไม่ประหยัดเงินอย่างที่คิด

ระวัง! ซื้อรถมือสองอาจไม่ประหยัดเงินอย่างที่คิด

ระวัง! ซื้อรถมือสองอาจไม่ประหยัดเงินอย่างที่คิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หลายคนที่มีความจำเป็นต้องซื้อรถยนต์ไว้ใช้งาน แต่มีงบประมาณจำกัด อาจหันไปเล่นรถมือสองที่มีราคาจำหน่ายต่ำกว่ารถใหม่ แต่รู้ไหมว่ารถมือสองที่เห็นนั้นอาจไม่ถูกอย่างที่คิด

     การซื้อรถยนต์มือสองนั้น มีข้อดีตรงที่ราคาหล่นลงจากสมัยป้ายแดงพอสมควร แถมอาจยังได้รถรุ่นใหญ่กว่า ที่มักจะต้องแลกมาด้วยรุ่นปีที่เก่ากว่า แต่หากเลือกรถมือสองเป็น และได้รถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน ไม่ผ่านการชนหนักมา ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าเล่นเลยทีเดียว

     รถมือสองถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด รวมถึงผู้ที่มีประวัติทางการเงินไม่ค่อยดีนัก พูดง่ายๆ คือ มีประวัติการชำระล่าช้ากับสถาบันเครดิตบูโร (หรือที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกว่า ติดแบล็คลิสท์ นั่นเอง) ขณะที่ไฟแนนซ์รถมือสอง มักมีสถาบันการเงินรายย่อยหรือนอกระบบ ที่ผ่อนผันในเรื่องเครดิตเหล่านี้ ทำให้ผู้ที่มีหนี้เสียก็ยังสามารถผ่อนรถได้ แต่ก็แลกมาด้วยดอกเบี้ยอันสูงลิบ แถมยังเสี่ยงต่อการถูกคุกคามในกรณีชำระเงินล่าช้าอีกด้วย

     การซื้อรถมือสองด้วยเงินผ่อนนั้น ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน เนื่องจากดอกเบี้ยรถมือสองค่อนข้างแพงกว่ารถป้ายแดงมาก แถมยังต้องเสีย VAT อีกต่างหาก ซึ่งบางครั้งหากเทียบกับรถป้ายแดงที่มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ หรือดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ ก็อาจมีค่างวดที่ไล่เลี่ยกัน แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมอีกด้วย



ยกตัวอย่างเช่น

101

รถใหม่ Honda City รุ่น S CVT

ราคารถใหม่: 589,000 บาท
ค่าดาวน์ 10%: 88,350 บาท
ทำสัญญาไฟแนนซ์: 500,650 บาท
ดอกเบี้ย: 1.79%
ค่างวด 60 เดือน: เดือนละ 10,376 บาท

มูลค่าเงินรวมที่ต้องจ่าย: 710,910 บาท

100

รถมือสอง Honda City รุ่น SV ปี 2013

ราคามือสอง: 410,000 บาท
ค่าดาวน์ 10%: 41,000 บาท
ทำสัญญาไฟแนนซ์: 369,000 บาท
ดอกเบี้ย: 4.75%
ค่างวด 60 เดือน: เดือนละ 8,144 บาท

มูลค่าเงินรวมที่ต้องจ่าย: 529,640 บาท

     จะเห็นได้ว่ารถมือสองมีค่างวดถูกกว่าราว 2,000 กว่าบาท ในระยะเวลาผ่อน 60 งวดเท่ากัน เมื่อคำนวณยอดรวมที่ต้องชำระตลอดสัญญาพบว่า รถมือสองจ่ายน้อยกว่าประมาณ 181,270 บาท แต่นั่นก็แลกมาด้วยรถยนต์รุ่นเก่ากว่าและผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าบำรุงรักษาหรือค่าซ่อมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างใช้งาน ขณะที่รถใหม่มาพร้อมการรับประกันจากผู้ผลิต ที่ส่วนมากจะให้ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และค่าบำรุงรักษาตามระยะเท่านั้น

     ดังนั้น หากคิดจะออกรถมือสอง ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายให้รอบคอบเสียก่อน จะได้ไม่เสียดายในภายหลังครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook