รีวิว Proton Suprima S ขับสนุก แรง ปลอดภัย ท้าให้ลอง!!

รีวิว Proton Suprima S ขับสนุก แรง ปลอดภัย ท้าให้ลอง!!

รีวิว Proton Suprima S ขับสนุก แรง ปลอดภัย ท้าให้ลอง!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook



Proton Suprima S ถิอเป็นรถยนต์ไฮไลท์ประจำบูธโปรตอนในงาน Motor Expo 2013 เป็นการแสดงให้เห็นว่าโปรตอนยังเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปีนี้ ตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทยมีการหดตัว




Proton Suprima S เป็นรถยนต์ Hatchback 5 ประตูสไตล์สปอร์ตเช่นเคย ที่ได้อิทธิพลการออกแบบและตกแต่งมาจาก Lotus สีของตัวรถที่ใช้สื่อสารการตลาดในไทย คือสีน้ำเงิน ไม่ซ้ำใครในตลาด




ไฟหน้า ไฟเดย์ไทม์ และไฟตัดหมอก



ไฟท้าย LED เป็นแนวเส้น คล้ายหลอดดูดน้ำสีแดง ไฟเบรคแบบหลอดไส้


กล้องมองหลัง



ฝาท้ายแบบเปิดด้วยรีโมต


Sensor กะระยะที่กันชนทั้งด้านหลังและด้านหน้าตัวรถ (เฉพาะรุ่นพรีเมียม)


กระจังหน้าแบบรังผึ้งและไฟหน้า ได้อารมณ์สปอร์ตสุดๆ



ห้องโดยสารตกแต่งสีดำเงิน หลังคาสีเทาอ่อน



พวงมาลัย 3 ก้านที่ออกแบบผิวสัมผัสและรูปทรงได้เหมาะสมน่าใช้งานกว่าเดิม



พวงมาลัยจับกระชับมือ ไม่ลื่นเหมือนรุ่นก่อน พร้อมปุ่มสั่งงานทั้งสองข้างของพวงมาลัย



มาตรวัด อารมณ์ตัวเลขสไตล์สปอร์ต



มีที่วางแขนสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า



เบาะหนังสีดำเข็มขัดนิรภัยไม่ค่อยเกะกะเท่าไร พนักพิงศีรษะปรับสูงต่ำได้ 2 ที่นั่งตอนหลัง พร้อมที่วางแขนตรงกลาง


ปุ่ม Start / Stop เครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งที่กดได้ง่าย


Cruise control


Airbag 6 จุด




Paddle shift ขับสนุก





ชุดเครื่องเสียงและระบบนำทาง จอใหญ่ สัมผัสง่าย เป็นระบบปฏิบัติการ Android เหมือน Tablet


เบาะคนขับ พับและปรับสูงต่ำได้


วัสดุที่ใช้ทำเบาะนั่ง เห็นการพัฒนาอย่างชัดเจนสำหรับโปรตอน



นอกจากวางแขนได้แล้ว ยังมีที่วางแก้วน้ำสองใบสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง


ที่วางแก้วน้ำหรือขวดน้ำบริเวณสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าก็มีเช่นกัน อยู่ตรงกลางใกล้เกียร์และเบรคมือ



เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที



รายละเอียดเพิ่มเติม

ซูพรีมา เอส มาจากรากศัพท์คำว่า "ซูพรีม" (สุดยอด) โดยสะท้อนความเหนือระดับด้านวิศวกรรม ความปลอดภัย และสมรรถนะ ที่ผสานกันเป็นแฮทช์แบคคันนี้

Proton Suprima S มีจำหน่าย 2 รุ่น คือ Executive และรุ่น Premium มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด เพิ่มสรรถนะการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี LOTUS RIDE and Handling

ภาย นอกออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการของชีวิตทันสมัย โดยเป็นแฮทช์แบคทรงสปอร์ต มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วเท่าที่ใจต้องการ ระบบช่วยรถออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ มาพร้อมกับไฟ Day Time Running Light กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ไฟตัดหมอก สะกดทุกสายตาด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด215/45/R17 และยังเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยชั้นเยี่ยมมากมาย

ได้แก่ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า ม่านถุงลม หน้าต่างแอนตี้ แทรป พาวเวอร์ เบรก ABS ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability control) พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ในรุ่นPremiumยังมีเซ็นเซอร์ข้างหน้าเพื่อช่วยจอด (Park Assist) และกล้องมองหลัง (Reverse Camera)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ในการเดินทาง เพิ่มความหรูหราด้วย พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น และ Paddle Shift (รุ่น Premium) โดดเด่นด้วยปุ่ม Push Start/Stop และระบบ Proton Infotainment ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งมาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงวิทยุ DVD/MP3 ช่องเสียบ USB/ iPod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อระบบนำทางด้วยดาวเทียม กับระบบเสียงที่ประกอบไปด้วยลำโพง 6 ตัว

Proton Suprima S มีให้เลือก 5 สี ได้แก่
• สีแดง (Fire Red)
• สีดำ (Tranquitlity Black)
• สีขาว (Solid White)
• สีเงิน (Generic Silver)
• สีน้ำเงิน (Atlantic Blue)
Proton Suprima S มี จำหน่าย 2 รุ่น คือ Executive และ Premium มีราคาดังนี้
Proton Suprima S Executive ราคา 779,000 บาท
Proton Suprima S Premium ราคา 829,000 บาท

เปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นในตลาด
คู่แข่งรายสำคัญของ Proton Suprima S คือ Ford Focus และ Nissan Pulsar แม้ว่าราคาที่ Proton กำหนดไว้อยู่ในช่วง 7.79 แสนบาท ต่ำกว่าคู่แข่งหลายหมื่นบาทจนถึงสองแสนบาท เพราะ Proton ได้เปรียบตรงที่เป็นรถนำเข้ามาจากมาเลเซีย เสียภาษีนำเข้าในอัตราต่ำ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมเพิ่มงบ ขยับไปเลือกรถยนต์ในกลุ่ม C-segment จากค่ายอื่นแทน เพราะไม่มั่นใจในการทำตลาดของ Proton ในไทย ที่ศูนย์บริการและโชว์รูมบางแห่งเริ่มปิดตัวลง

Ford Focus และ Nissan Pulsar เป็นรถยนต์ในกลุ่ม C-segment ที่มีรูปทรงแบบ Hatchback 5 ประตูเหมือน Proton Suprima S แต่เหนือชั้นกว่าทั้งในด้านเทคโนโลยี ลูกเล่นไฮเทค ดีไซน์ และการบริการ Proton จึงวางราคาให้ต่ำกว่ามาก หวังดึงลูกค้าที่สนใจรถยนต์จากคู่แข่ง ให้มาสนใจ Proton แทนได้ และเชื่อว่ากลยุทธ์นี้ก็น่าจะได้ผลเรื่องยอดจองในมหกรรมยานยนต์ Motor Expo ปลายปี 2013

เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังมองหารถยนต์ในสไตล์นี้อยู่ ก็อยากให้ทดลองขับและเปรียบเทียบดูทั้งสามรุ่น โดยดูจากปัจจัยต่างๆ ให้ครบถ้วนและรอบคอบ แต่ก็เชื่อว่ามีลูกค้ามีไม่น้อยที่นำ Proton Suprima S ไปเปรียบเทียบกับรถยนต์ซีดาน 4 ประตูในกลุ่ม C-segment เช่นกัน ได้แก่ Nissan Sylphy, Honda Civic, Toyota Corolla Altis 2014, Ford Focus ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Proton แต่บุคลิกของรถยนต์คู่แข่งดังกล่าวนั้น จะเป็นสไตล์หรูหรานั่งสบายมากกว่าสไตล์ Sport ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมที่ถูกใจทั้งราคาและสะท้อนความเป็นตัวเอง

ทั้ง นี้หาก Proton มีการพัฒนาและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าชาวไทยมากขึ้น ด้วยราคาที่เป็นอาวุธสำคัญของ Proton ก็จะทำให้ Proton ยั่งยืนในไทยในระยะยาวจนมีศูนย์บริการและโชว์รูมทั่วประเทศ ในปัจจุบันก็ถือว่ารถยนต์นำเข้าที่ราคาต่ำสุดในตลาด ต้องยกให้ Proton ครับ แบรนด์ดังจากมาเลเซีย

ข้อมูลสนับสนุนจาก 9carthai

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook