'วอลโว่ทรัคส์' โตสวนกระแส 5% ขณะที่ตลาดรถบรรทุกใหญ่ปี 2560 ติดลบ 6.3%

'วอลโว่ทรัคส์' โตสวนกระแส 5% ขณะที่ตลาดรถบรรทุกใหญ่ปี 2560 ติดลบ 6.3%

'วอลโว่ทรัคส์' โตสวนกระแส 5% ขณะที่ตลาดรถบรรทุกใหญ่ปี 2560 ติดลบ 6.3%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ตลาดรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ในปี พ.ศ. 2560 หดตัวถึง 6.3% ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงกลางปีว่า ณ สิ้นปี ตลาดน่าจะหดตัวลงแรงถึงประมาณ 10-12% ทั้งนี้สิ่งที่เอื้อให้ตลาด กลับมากระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังมาจากการอัดแคมเปญของแต่ละค่าย แต่เนื่องจากผลการลงทุนภาครัฐในด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภค ยังมีความคืบหน้าน้อยกว่าที่คาดหวังจึงดันตลาดโตเป็นบวกไม่ได้

200

     นายกําลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจัดจําหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ และยูดี ทรัคส์ เปิดเผยว่าตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่และขนาด กลางเมื่อปีที่แล้ว หดตัวลงประมาณ 6.3% จาก 25,178 คันในปี 2559 มาเป็น 23,600 คันในปี 2560 โดย รถบรรทุกขนาดใหญ่ลดลงประมาณ 5.1% จาก 17,172 คันในปี 2559 มาเป็น 16,293 คันเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รถบรรทุกขนาดกลางลดลงมากถึง 8.7% จาก 8,006 คันในปี 2559 มาเป็น 7,307 คัน เมื่อปีที่แล้ว

     “ปีที่แล้ว เราเคยคาดการณ์ไว้ช่วงกลางปีว่าตลาดน่าจะหดตัวลง ด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง การใช้ จ่ายภาครัฐในการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเราจึงเชื่อมั่นว่าตลาดจะดิ่งลงในอัตราที่ 10-12% แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ กลับดีขึ้นกว่าที่คิดด้วยเพราะรถบรรทุกแต่ละค่าย ต่างดันรถรุ่นใหม่ ๆ แคมเปญทั้งงานขาย งานบริการออกมานําเสนอ เพื่อดันยอดขายให้ได้ตามเป้า” นายกําลาภกล่าว

202

     อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่รัฐบาล โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคําสั่งตามมาตรา 44 เมื่อปลายปี ที่แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่ง จัดทําผังพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ Eastern Economics Corridor (EEC) ให้เสร็จภายใน เดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งนโยบายนี้เป็นที่จับตามองของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งหากเป็นไปตามคําสั่งรัฐบาลมาตรา 44 ก็จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

     “เราต้องยอมรับนะครับว่าเมื่อปี 2559 ตลาดโตมาถึง 8% แต่เมื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างและการอุปโภค บริโภคภายในประเทศไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทําให้มีการชะลอคําสั่งซื้อรถบรรทุกเพราะรถที่สั่งซื้อไป ยังคงวิ่งไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงไม่จําเป็นต้องเร่งสั่งซื้อรถใหม่ในปีที่ผ่านมา” นายกําลาภ กล่าว

203

     นายกําลาภ กล่าวว่าสําหรับวอลโว่ กรุ๊ป นั้น มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จาก 1,191 คันเมื่อปี 2559 มาเป็น 1,251 คันเมื่อปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นรถวอลโว่ ทรัคส์ 365 คัน และรถยูดี ทรัคส์ 895 คัน ซึ่งถือว่า ดีกว่าตลาดโดยรวมที่มีอัตราเติบโตติดลบประมาณ 6.3% ทั้งนี้เป็นผลจากการเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง ยูดี โครเนอร์ เมื่อต้นปีที่แล้ว

     นายกําลาภ กล่าวว่าปัจจัยเสริมที่จะมีส่วนกระตุ้นตลาดรถบรรทุกในปี นี้คือการเร่งเดินหน้า EEC การคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังคาดไว้ในปีนี้ จะเติบโตถึง 4.2% รวมไปถึง ตัวเลขการเติบโตของการส่งออกมีการปรับเป้าปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.6% จากที่เคยกําหนดไว้ที่ 5.7% และ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38.2 ล้านคนเติบโต 8% และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวแตะ ระดับ 2.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก

201

     “สิ่งเหล่านี้ เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่จะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่กําลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งเราหวังว่าจะกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อ รถบรรทุกใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย โดยเรามองว่าตลาดน่าจะมีการเติบโตที่ 5% สอดคล้องกับการเติบโตเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามองคือการเลือกตั้งในประเทศไทย แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด” นายกําลาภ กล่าว

205

     ทางด้านนายสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดและงานสนับสนุนการขาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจรถบรรทุกในขณะนี้กําลังเผชิญกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เช่นเดียวกับธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งวอลโว่ กรุ๊ป ได้ให้ความสําคัญ ต่อเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม

     “ล่าสุด เราได้มีประกาศที่ประเทศสวีเดนว่าในปีนี้ เราจะเริ่มทดลองนํารถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ออกใช้งานและปีหน้าจะเริ่มทําการตลาดในทวีปยุโรปก่อน ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับโลก เทคโนโลยียานยนต์ แน่นอน สิ่งเหล่านี้ย่อมจะมีผลต่อการพิจารณาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สําหรับ ตลาดประเทศไทย” นางสาววิลาวัลย์ กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook