ความหมายของเลขตัวถัง 17 หลักที่คุณไม่เคยรู้

ความหมายของเลขตัวถัง 17 หลักที่คุณไม่เคยรู้

ความหมายของเลขตัวถัง 17 หลักที่คุณไม่เคยรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     เจ้าของรถทุกคนรู้อยู่แล้วว่ารถแต่ละคัน มีหมายเลขตัวถังเฉพาะตัวแตกต่างกันไป แต่รู้หรือไม่ว่าเลขตัวถังเหล่านี้มีความหมายแฝงซ่อนอยู่ด้วย

     เลขตัวถัง หรือ Vehicle Identification Number (VIN) ของรถแต่ละคันจะถูกระบุแตกต่างกันออกไป โดยแต่ละคันจะประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขจำนวนทั้งหมด 17 หลัก หากเลขตัวถังมีจำนวนหลักอยู่ระหว่าง 11-16 หลัก นั่นแปลว่ารถคันดังกล่าวถูกผลิตขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1981

     ความหมายของเลข VIN แต่ละหลัก

หลักที่ 1

     ตัวเลขหรือตัวอักษรหลักแรกบ่งบอกถึงภูมิภาคที่รถคันนั้นถูกผลิตขึ้น ประกอบด้วย

A - H ผลิตในทวีปแอฟริกา
J - R ผลิตในทวีปเอเชีย (ยกเว้น O และ Q)
S - Z ผลิตในทวีปยุโรป
1 - 5 ผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ
6 - 7 ผลิตในนิวซีแลนด์ หรือ ออสเตรเลีย
8 - 9 ผลิตในทวีปอเมริกาใต้

หลักที่ 2-3

     บ่งบอกถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งกำหนดต่างกันออกไป เช่น RH หมายถึง ฮอนด้าประเทศไทย, R0 หมายถึง โตโยต้าประเทศไทย, M8 หมายถึง มาสด้าประเทศไทย 

หลักที่ 4-8

     บ่งบอกถึงรายละเอียดของตัวรถ ซึ่งกำหนดแตกต่างกันไปตามแต่ละผู้ผลิต เช่น รูปแบบตัวถัง, ระบบเกียร์, รุ่นย่อย เป็นต้น

หลักที่ 9

     เป็นตัวเลขสำหรับยืนยันว่าไม่ใช่ VIN ปลอม โดยจะมีรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ
https://en.wikibooks.org/wiki/Vehicle_Identification_Numbers_(VIN_codes)/Check_digit

หลักที่ 10

     บ่งบอกปีที่ผลิตรถคันนั้น โดยเริ่มนับจากปี 1980 ที่มีการใช้รหัส VIN 17 หลักเป็นมาตรฐานครั้งแรก เริ่มจากอักษร A แทนปี 1980 ไล่มาจนถึงอักษร Y แทนปี 2000
หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนไปใช้ตัวเลข 1 แทนปี 2001 ไล่มาจนถึงตัวเลข 9 แทนปี 2009 และจึงกลับมาใช้อักษร A แทนปี 2010 อีกครั้ง และไล่เรียงมาเรื่อยๆ จนถึงปีปัจจุบัน

หลักที่ 11

     บ่งบอกถึงโรงงานที่ประกอบรถคันนั้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละผู้ผลิต

หลักที่ 12-17

     สำหรับตัวเลขที่เหลือเป็นการรันตามสายการผลิต หรือ Serial number ซึ่งทำให้รถแต่ละคันมี VIN แตกต่างกันไป

     รู้แบบนี้แล้วลองสำรวจรถตัวเอง จะได้ทราบว่าผลิตที่ไหนและปีอะไรได้ด้วยตัวเองครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook