รีวิว FOMM One 2019 ใหม่ รถไฟฟ้าขายจริงในไทย คุ้มไหมกับราคา 6.64 แสนบาท

รีวิว FOMM One 2019 ใหม่ รถไฟฟ้าขายจริงในไทย คุ้มไหมกับราคา 6.64 แสนบาท

รีวิว FOMM One 2019 ใหม่ รถไฟฟ้าขายจริงในไทย คุ้มไหมกับราคา 6.64 แสนบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     FOMM One 2019 แบรนด์นี้หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่นี่คือรถยนต์ 4 ที่นั่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ในงบประมาณ 664,000 บาท จะคุ้มค่าคุ้มราคาขนาดไหน ไปติดตามกันครับ

204

     ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก “FOMM One” ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรก ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งเปิดราคาจำหน่ายไว้เทียบเท่ารถยนต์ระดับอีโคคาร์และ B-Segment แต่แตกต่างที่ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนที่หลายคนเฝ้ารอจะได้ใช้อย่างแพร่หลาย

     FOMM One เป็นผลงานการพัฒนาจากทีมวิศวกรชาวญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด และถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ในโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กเรียกว่า “Micro-Fab” ซึ่งมีชิ้นส่วนเพียง 1,600 ชิ้น เทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปที่มีชิ้นส่วนกว่า 30,000 ชิ้น

100

     ครั้งนี้ Sanook! Auto ได้รับเกียรติจาก FOMM ให้เข้าร่วมสัมผัสและทดสอบ FOMM One 2019 อย่างใกล้ชิด เพื่อพิสูจน์ว่ารถคันนี้มีสมรรถนะเป็นอย่างไร และเหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทไหนกันแน่

     FOMM One เป็นรถยนต์ในกลุ่ม L7e ตามมาตรฐานยุโรป ซึ่งระบุว่าเป็นรถประเภทจักรยานยนต์ 4 ล้อขนาดเล็ก ที่ออกแบบให้รับน้ำหนักผู้โดยสารไม่เกิน 200 กิโลกรัม ซึ่งตัวอย่างรถยนต์ประเภทนี้ก็คือ Renault Twizy สัญชาติฝรั่งเศสที่วางจำหน่ายทั่วยุโรปนั่นเอง

108

     วินาทีแรกที่เราเห็น FOMM One 2019 ตัวเป็นๆ ก็เห็นได้ชัดว่ารถคันนี้เป็นรถขนาดเล็กที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยสัมผัสมา ด้วยตัวถังที่มีความยาวตลอดคันเพียง 2,585 มม. ความกว้าง 1,295 มม. ความสูง 1,560 มม. และน้ำหนักตัวรถไม่รวมแบตเตอรี่เพียง 450 กิโลกรัมเท่านั้น

102

     ดีไซน์ภายนอกก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ มีอุปกรณ์พื้นฐานอย่างไฟหน้า, ไฟเลี้ยวด้านข้าง, ที่ปัดน้ำฝนแบบก้านเดียว, หัวฉีดน้ำล้างกระจก, กระจกมองข้าง, ไฟท้ายแบบ LED ทรงกลม พร้อมไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังให้พร้อม ขณะที่กระจกหลังสามารถเปิดยกขึ้นได้ โดยมีเหล็กค้ำถูกซ่อนเอาไว้หากต้องการเปิดค้าง มาพร้อมล้อขนาด 15 นิ้ว และยางขนาด 145/65 R15

101

130

     สำหรับช่องชาร์จไฟจะถูกติดตั้งไว้ด้านหน้า โดยใช้ปลั๊กเสียบแบบ Type 2 ซึ่งสามารถหาชาร์จได้ทั่วไป โดยคันที่เราถ่ายภาพไว้นี้ ถูกเสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้านแบบ 2 รูธรรมดาๆ ทั่วไปเท่านั้น ซึ่ง FOMM ระบุว่าใช้เวลาชาร์จจนเต็ม (0-100%) อยู่ที่ 6 ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 160 กิโลเมตร หากคิดเป็นค่าไฟจะตกอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อกิโลเมตรเท่านั้น!

112

     มอเตอร์ขับเคลื่อนของ FOMM One เป็นแบบ In-wheel คือ ติดตั้งไว้กับชุดล้อคู่หน้าทั้งสองข้าง ให้กำลังสูงสุดรวมกันอยู่ที่ 10 กิโลวัตต์ หรือราว 13.5 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 560 นิวตัน-เมตร เรียกได้ว่าแรงกว่ากระบะเครื่องยนต์ดีเซลทุกรุ่นในตลาดขณะนี้กันเลย

     รถคันนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กม./ชม. ซึ่งก็ถือว่าเร็วมากแล้วสำหรับรถไซส์จิ๋วแบบนี้

115

     ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย เบาะนั่งคู่หน้าหุ้มด้วยวัสดุผ้าสีดำ ฝั่งคนขับสามารถปรับเอนได้ ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบเรียบ พร้อมพนักพิงศีรษะ 2 ตำแหน่ง มีช่องวางของอเนกประสงค์มาให้ และที่สำคัญคือ มีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดให้ครบทั้ง 4 ที่นั่ง

113

     พื้นที่เบาะนั่งด้านหลังมีขนาดเล็ก ซึ่งนักข่าวที่เข้าไปนั่งทดสอบด้วยกันบอกว่าแค่พอนั่งได้เท่านั้น เพราะพนักพิงด้านหน้าชนหัวเข่าตลอดเวลา แต่กระนั้นก็ยังมีพื้นที่เหนือศีรษะเหลือๆ ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบตัวถังให้มีลักษณะเป็นทรงกล่องนั่นเอง

122

     ภายในห้องโดยสารมีจุดเด่นอยู่ที่พวงมาลัย ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับคันบังคับของเครื่องบิน ไม่ใช่พวงมาลัยกลมๆ ที่เราใช้กันอยู่ทั่วไป โดยแป้นหลังพวงมาลัยที่เห็นอยู่นั้น ไม่ใช่แป้นเปลี่ยนเกียร์แต่อย่างใดหรอกนะครับ แต่เป็นแป้นคันเร่ง! แถมยังมีให้ถึง 2 อันอีกด้วย ซึ่งการใช้งานแป้นคันเร่งจะขอพูดถึงอีกครั้งในช่วงทดลองขับครับ ส่วนแป้นเหยียบด้านล่างเป็นแป้นเบรกเพียงอันเดียว

121

     บริเวณคอพวงมาลัยจะถูกติดตั้งก้านเปิด-ปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยว ขณะที่ปุ่มควบคุมระบบปัดน้ำฝนถูกติดตั้งเวณแผงคอนโซลฝั่งผู้ขับ สามารถปรับได้ 2 ระดับ คือ ช้าและเร็ว และฟังก์ชั่นฉีดน้ำล้างกระจกเท่านั้น

116

     ส่วนสวิตช์ควบคุมตรงกลาง ประกอบด้วยปุ่มเกียร์ ซึ่งมีให้เลือก 3 ตำแหน่ง คือ D, N และ R ไม่มีตำแหน่งเกียร์ P แต่อย่างใด หากต้องการจอดรถไว้ก็เพียงปลดเกียร์ว่าง พร้อมกับดึงเบรกมือกันรถไหล... ง่ายๆ กันแบบนี้เลย

     ใกล้กันเป็นสวิตช์ไฟฉุกเฉิน และปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ ซึ่งทำได้เพียงปรับความแรงลมเท่านั้น ไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ และมีปุ่ม ODO สำหรับรีเซ็ตระยะทางมาให้

117

     ส่วนหน้าจอเหนือแผงคอนโซลนั้น ใช้สำหรับบอกความเร็ว, บอกตำแหน่งเกียร์, ปริมาณแบตเตอรี่ และสถานการณ์ทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น

     นอกจากนั้น ในตัวรถยังมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์สำหรับชาร์จอุปกรณ์กระจุกกระจิก, ช่องเก็บของเหนือแผงคอนโซล และกระจกไฟฟ้ามาให้ทั้ง 2 ข้าง

127

     เอาล่ะครับ สำหรับการทดสอบ FOMM One ในครั้งนี้ เราทดลองขับกันบนสนามโกคาร์ท มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแดนเนรมิตเก่านั่นเอง

132

     ก่อนเราจะเริ่มออกตัวได้นั้น เราต้องกดปุ่ม D บริเวณแผงคอนโซลเสียก่อน จากนั้นเมื่อปล่อยแป้นเบรก รถจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างเอื่อยๆ การเพิ่มความเร็วสามารถทำได้โดยการบีบแป้นคันเร่งที่พวงมาลัย ยิ่งบีบแรงเท่าไหร่ รถก็จะเพิ่มความเร็วสูงขึ้นไปเท่านั้น แต่หากบีบพร้อมกันทั้งสองฝั่ง จะเป็นการเรียกกำลังสูงสุดออกมาใช้งาน ช่วยให้รถพุ่งไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น

     จุดแรกเรามาสัมผัสถึงวงเลี้ยวของ FOMM One ที่ระบุว่าแคบเพียง 1.8 เมตรเท่านั้น ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเป็นรถที่มีฐานล้อสั้นมาก สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ขณะที่พวงมาลัยสามารถหมุนได้ประมาณ 1 ใน 3 ของวงรอบก็สุดแล้ว หากใครเคยขับรถกอล์ฟมาก่อนอยู่แล้ว นั่นแหละครับ ความรู้สึกเดียวกันเลย

     แต่กระนั้น การเลือกใช้แป้นคันเร่งแบบติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย ทำให้การเลี้ยงความเร็วในขณะหมุนพวงมาลัยจนสุดทำได้ไม่สะดวกนัก ต้องคอยสลับแป้นเปลี่ยนประคองความเร็วอยู่เรื่อยๆ

134

     เลยจากจุดทดสอบวงเลี้ยว เรามาทดสอบการเข้าโค้งดูบ้าง ซึ่งการหมุนพวงมาลัยเพียงน้อยนิด ก็พอจะควบคุมทิศทางให้ไปตามที่ต้องการแล้ว ขณะที่ช่วงล่างแม้ว่าถูกเซ็ทมาเพื่อเน้นความนุ่ม แต่กระนั้น ด้วยความที่รถมีฐานล้อสั้นมาก ทำให้รถมีอาการเด้งทั้งคันเวลาที่พื้นสนามไม่เรียบ

     จากนั้น เราทดสอบอัตราเร่งกันต่อ โดยคราวนี้เราบีบแป้นคันเร่งทั้งสองข้างอย่างเต็มที่เพื่อเรียกกำลังสูงสุดออกมา ตัวรถสามารถออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างรวดเร็ว อันเป็นข้อดีของระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดสูง แต่กระนั้น เรี่ยวแรงก็ค่อยๆ หายไปตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสนามทดสอบถูกเซ็ทระยะทางไว้เพียงสั้นๆ เราทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 45 กม./ชม. ก็ต้องผ่อนคันเร่งแล้ว

133

     เนื่องจาก FOMM One ติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เมื่อปล่อยคันเร่ง ก็จะชาร์จพลังงานกลับไปยังแบตเตอรี่ ทำให้ความเร็วลดลงอย่างรวดเร็วคล้ายกับอาการเอนจิ้นเบรก ซึ่งตลอดเส้นทางการทดสอบเราเหยียบเบรกเพียงเล็กน้อยเฉพาะเวลาที่ต้องการให้รถหยุดนิ่งเท่านั้นเอง ชวนให้นึกถึงแป้นคันเร่ง e-Pedal ของ Nissan Leaf ยังไงยังงั้น!

101_1

     นอกจากนี้ ใครที่เป็นกังวลเรื่องการลุยน้ำ ว่าจะมีไฟรั่วหรือไฟช็อตหรือไม่นั้น ทางฟอมม์ได้ทดสอบให้เราเห็นว่า หากรถคันนี้มีความจำเป็นต้องลุยน้ำลึกๆ ตัวรถจะสามารถลอยอยู่บนน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยยังคงใช้งานมอเตอร์ขับเคลื่อนได้ตามปกติอีกด้วย

     แต่กระนั้น การทดสอบนี้ก็ชวนให้เราคิดว่าหากเผลอขับรถคันนี้ลุยน้ำกันจริงๆ FOMM One จะกลายเป็นรถคันเดียวที่ลอยแอ้งแม้งอยู่ในน้ำ ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ ในขณะที่รถคันอื่นกำลังวิ่งฝ่ากระแสน้ำอย่างสบายใจเฉิบหรือไม่

100_1

     เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้คงต้องสรุปการทดสอบการขับขี่ FOMM One คันนี้เสียหน่อย ซึ่งจากการทดสอบระยะสั้นๆ คงบอกได้ว่า FOMM One เป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ให้ความประหยัด หลีกหนีจากน้ำมันที่มีราคาสูงและกำลังจะขาดแคลนในอนาคต แต่ถึงอย่างไร FOMM One ก็ยังไม่เหมาะสำหรับเป็นรถซิตี้คาร์เพื่อทดแทนการใช้งานในเมืองเท่าไหร่นัก นอกเสียจากว่าจะใช้ในระยะทางใกล้ๆ หรือใช้งานเฉพาะกิจ เช่น ขับภายในหมู่บ้าน, รีสอร์ท หรือภายในสถานที่ต่างๆ ซึ่งไม่ต้องการสร้างมลพิษจากไอเสีย

109

     แต่หากคุณมีกิจการในพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งต้องการหาพาหนะทดแทนการเดินเป็นระยะทางไกลๆ แล้วล่ะก็ ผู้เขียนเชื่อว่า FOMM One นี่แหละที่สามารถตอบโจทย์ได้ เนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าไร้มลพิษ มีระยะทางขับขี่เหลือเฟือ ไม่ต้องชาร์จกันบ่อยๆ ไม่ต้องทนกับกลิ่นน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาต่ำ แถมยังมีแอร์เย็นๆ ให้ชื่นใจตลอดทาง แลกกับค่าตัว 6 แสนกลางๆ ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ

 

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ ของ รีวิว FOMM One 2019 ใหม่ รถไฟฟ้าขายจริงในไทย คุ้มไหมกับราคา 6.64 แสนบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook