CHEVROLET CAPTIVA หรูเต็มขั้นสปอร์ตเต็มพลัง

     ช่วงกลางปีก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ตลอดรถยนต์แข่งขันกันดุเดือดไม่แพ้ปลายปี "เชฟโรเลต" ก็ไม่น้อยหน้าส่งเอสยูวีระดับหรูหรา ด้วยการปรับโฉมของ "แคปติวา" ที่เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันยิ่งขึ้น  ทั้งนี้ยังได้จัดทริปให้สื่อมวลชนได้ทดสอบแบบกลุ่ม ทั้งรุ่นเบนซินและดีเซล บนเส้นทางจังหวัดภูเก็ต ระยะทางรวมประมาณ 240 กิโลเมตร

 

     สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา รถธงของเชฟโรเลตในเมืองไทย มียอดจำหน่ายในไทยกว่า 35,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัว โดยประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของยอดจำหน่ายเป็นรุ่นดีเซล ล่าสุด แคปติวา ทั้ง 2 รุ่นเครื่องยนต์มีการปรับปรุงในหลายจุด ภายนอกเปลี่ยนกันชนหน้าทรงใหม่ พร้อมเพิ่มฝาครอบสปอตไลต์หน้า กันชนหลังออกแบบใหม่รับกับท่อไอเสียโครเมียมทรงเหลี่ยม

 

     ในรุ่นดีเซล LTZ เพิ่มบันไดข้าง ภายในเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ระบบ PEPS หรือ Passive Entry Passive Start ล็อก/ปลดล็อก และสตาร์ตเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ สวิตช์บนพวงมาลัยเปลี่ยนเป็นแบบเรืองแสง เพิ่มความสะดวกสบายเมื่อใช้งานตอนกลางคืน เครื่องยนต์มี 2 ทางเลือก เบนซิน 2,400 ซีซี 167 แรงม้า รองรับ E85 และดีเซล 2,000 ซีซี 163 แรงม้า แรงบิด 40.76 กก.-ม. (รุ่นเดิม 36.7 กก.-ม.) มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ GF6 เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงบิดเพิ่มขึ้น

 

 
     สำหรับทีม Sanook!Auto เริ่มต้นทดลองขับรุ่นดีเซลระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร พบว่ายังคงขับสนุกตามสไตล์ดีเซลที่ให้อัตราเร่งดีตั้งแต่รอบต่ำ แต่ต้องออกแรงกดคันเร่งลึกสักนิด เพราะคันเร่งค่อนข้างแข็ง ถ้ากดคันเร่งไม่ลึกพอจะเหมือนเร่งไม่ค่อยขึ้น  โดยรวมอัตราเร่งจะมาแบบต่อเนื่อง แต่ไม่ถึงกับดึงหนักรุนแรง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเซตเครื่องยนต์เพื่อการขับที่ราบเรียบนุ่มนวลเป็นหลัก อีกทั้งตลอดทางมีฝนตกตลอดทั้งหนักและเบาทำให้ใช้ความเร็วได้ไม่คงที่เท่าไหร่

 

     หลังจากนั้นสลับรถเป็นรุ่นเบนซิน และออกเดินทางต่อไปยังจุดพักรถที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 67 กิโลเมตร และมีโอกาสได้ลองใช้โหมด Driver Shift Control หรือโหมด +/- ใช้เกียร์ช่วยเลี้ยงรอบไว้แถว 3,000-4,000 รอบต่อนาที เมื่อไม่มีรถสวนมาก็กดคันเร่งเพื่อแซง ช่วยให้แซงได้รวดเร็วขึ้น อัตราเร่งกระฉับกระเฉงกว่าโหมดเกียร์ D พอสมควร แต่ก็ต้องแลกกับอัตราสิ้นเปลือง

 

     ระบบกันสะเทือนอิสะ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงก์ 4 จุดยึด เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก การขับใช้งานทั่วไปให้ความนุ่มนวลนั่งสบาย และยังคงมีความหนึบเพียงพอสำหรับการเข้าโค้งด้วยความเร็วค่อนข้างสูงได้อย่างมั่นใจ ตัวรถมีอาการโยนไม่มากนัก บางช่วงที่ถนนโล่งสามารถไล่ความเร็วขึ้นไปถึง 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถก็ยังนิ่ง ไม่มีอาการวูบวาบ

 

     สรุปเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมนั้นดีกว่าที่คิดและคุ้มค่าน่าลองหากใครเคยประทับใจกับตัวเก่ามาก่อน  และต้องแลกด้วยราคาค่าตัวที่ไม่น้อยเลยทีเดียว.....แต่บอกได้ว่าคุ้มไม่ใช่น้อย