รีวิว Honda Civic 2021 รุ่น 1.5 EL+ ใหม่ คุ้มค่าน่าใช้ในงบเข้าถึงง่ายกว่า RS

รีวิว Honda Civic 2021 รุ่น 1.5 EL+ ใหม่ คุ้มค่าน่าใช้ในงบเข้าถึงง่ายกว่า RS

รีวิว Honda Civic 2021 รุ่น 1.5 EL+ ใหม่ คุ้มค่าน่าใช้ในงบเข้าถึงง่ายกว่า RS
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     บทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ Honda Civic 2021 รุ่น EL+ ใหม่ ที่แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นท็อปสุดเหมือนที่หลายสื่อเขารีวิวกัน แต่เชื่อว่ารุ่น EL+ นี่แหละที่น่าจะทำยอดขายได้ดีที่สุด เนื่องจากมีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ค่อนข้างครบครัน แถมยังถูกกว่ารุ่น RS อยู่ถึง 190,000 บาท ลองไปดูกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง

civic_test_03

     Honda Civic 2021 ใหม่ ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 11 แล้ว โดยใช้รหัสตัวถังว่า FE ต่อจากเจเนอเรชันที่ 10 ที่ใช้รหัสว่า FC ขณะที่ FD ก็ดันกลายเป็นรหัสของเจนเนอเรชันที่ 8 ไปเสียอย่างนั้น ส่วนเวอร์ชันแฮทช์แบ็ค 5 ประตูเจเนอเรชันใหม่จะถูกใช้รหัสว่า FL ต่อจากโฉมปัจจุบันที่ใช้รหัส FK นั่นเอง

     สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค 2021 ใหม่ ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

  • รุ่น EL
  • รุ่น EL+
  • รุ่น RS

     โดยคันที่เราจะนำมารีวิวในครั้งนี้เป็นรุ่น EL+ ซึ่งหากดูจากราคาจำหน่ายและอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มานั้น คาดว่ารุ่นนี้จะกลายเป็นรุ่นขายดีที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 รุ่นย่อย เนื่องจากมีราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากรุ่น EL อยู่ราว 45,000 บาท แลกกับออปชันปลีกย่อยที่เพิ่มขึ้นมา เช่น เบาะนั่งหุ้มหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ, ช่อง USB เพิ่มขึ้นเป็น 3 ตำแหน่ง ฯลฯ แถมยังถูกกว่ารุ่น RS อยู่ถึง 190,000 บาทเลยทีเดียว

civic_test_32

     แต่ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะเลือกรุ่นย่อยไหน ก็จะได้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบความปลอดภัย Honda SENSING มาให้เหมือนกันทั้งหมด ซึ่งถือเป็นไฮไลท์เด่นที่ฮอนด้าพยายามนำเสนอให้กับซีวิคใหม่รุ่นนี้

ภายนอก

     ดีไซน์ภายนอกของ Honda Civic โฉมใหม่ มีความพยายามของวิศวกรออกแบบที่ต้องการให้รถรุ่นนี้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในช่วงอายุที่กว้างขึ้น ภายหลังจากที่ Civic FC ถูกออกแบบเน้นความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย จนกลายเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มลูกค้าอายุน้อยเสียมากกว่า ซึ่งดีไซน์ของ Civic ใหม่ คงพูดได้ว่า “นานาจิตตัง” ล่ะครับ บ้างก็มองว่าดูแก่ไปบ้างล่ะ บ้างก็บอกว่าสวยลงตัวดี เรียกว่าขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคนจริงๆ

civic_test_46

     แม้ส่วนตัวผู้เขียนจะชื่นชอบดีไซน์ของโฉม FC มากกว่า แต่รูปลักษณ์ของ FE ก็ดูมีความภูมิฐานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้ายที่ออกแบบให้ดูยื่นยาวกว่า ต่างจากโฉม FC ที่มีบุคลิกกระเดียดไปทางรถคูเป้ค่อนข้างมาก พอเห็นคนขับที่มีอายุหน่อยเดินลงมาจากรถ ก็จะแอบรู้สึกขัดตาอยู่นิดๆ ด้วยหน้าตาของรถที่เหมาะกับวัยรุ่นเสียเหลือเกิน

     สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานใน Civic รุ่น EL+ ใหม่ ประกอบด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ฮาโลเจนพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (ถ้าอยากได้ไฟหน้า LED ต้องขยับไปรุ่น RS เท่านั้น), ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, ไฟตัดหมอกหน้า LED ไล่มาทางด้านข้างจะพบกับกระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ซึ่งสามารถพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ, ขอบหน้าต่างประตูโครเมียม (รุ่น RS ตกแต่งด้วยสีดำ), มือเปิดประตูภายนอกสีเดียวกับตัวรถ,​ เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 16 นิ้ว

civic_test_36

     ขณะที่ไฟท้าย LED ถูกเปลี่ยนมาเป็นแบบแนวนอน 2 ก้อนที่มีจริตความเป็นอาวดี้อยู่เนืองๆ พร้อมแผงทับทิมสะท้อนแสงติดตั้งไว้บริเวณใต้ไฟท้าย และท่อไอเสียแบบคู่ที่ซ่อนปลายเอาไว้ใต้กันชน แต่หากเป็นรุ่น RS จะถูกครอบด้วยปลายท่อสเตนเลสโชว์ความสปอร์ตกันไปเลย ซึ่งดีไซน์ภายนอกของรุ่น EL+ และ EL ไม่มีความแตกต่างใดๆ นอกเหนือจากฟังก์ชันพับกระจกอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นมา (รุ่น EL เป็นแบบปรับและพับด้วยไฟฟ้า แต่ไม่มีระบบพับอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ)

ภายใน

     ดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ถูกออกแบบเน้นความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยรายละเอียด โดดเด่นด้วยแผงรังผึ้งสีเงินที่พาดยาวระหว่างช่องแอร์ฝั่งผู้โดยสารมาจนถึงช่องแอร์ตรงกลาง ล้อมด้วยวัสดุสีดำเงา ให้กลิ่นอายความเป็นเรโทรย้อนยุคนิดๆ ชวนให้นึกถึงงานออกแบบภายในของรถไฟฟ้า Honda e อยู่บ้าง

civic_test_12

     สำหรับรุ่น EL+ จะถูกตกแต่งภายในด้วยสีโทนสีดำหรือสีเบจขึ้นอยู่กับสีภายนอก และแตกต่างไปจากโทนสีดำของรุ่นท็อป RS อย่างชัดเจน เนื่องจากยังคงใช้เพดานและฝาครอบเสาสีครีม ขณะที่รุ่น RS จะเป็นสีดำล้วนทั้งหมด โดยรุ่น EL+ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ สามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ ฝั่งผู้โดยสารเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทาง ส่วนกระจกหน้าต่างคู่หน้าสามารถปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติแบบ One-touch ได้

     สวิตช์เหนือเพดานจะมีเพียงปุ่มเปิดไฟอ่านแผ่นที่และกล่องเก็บแว่นตาเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนแอบรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ในเรื่องของวัสดุที่ใช้บริเวณไฟอ่านแผนที่ เพราะแม้ว่าหลายคนจะไม่ค่อยใส่ใจในจุดนี้เท่าใดนัก แต่ก็คาดหวังว่ารถเก๋งระดับราคาหลักล้านจะมีสัมผัสการใช้งานที่ดูมีราคาและหนาแน่นกว่านี้

civic_test_09

     ในรุ่น EL และ EL+ จะมาพร้อมกับมาตรวัดกึ่งดิจิทัล โดยฝั่งมาตรวัดความเร็วยังคงเป็นแบบ Analog ขณะที่มาตรวัดรอบจะเป็นแบบจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น RS เป็นจอดิจิทัลล้วนขนาด 10.2 นิ้ว) ซึ่งสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลและปรับแต่งฟังก์ชันหลายอย่างได้จากหน้าจอนี้ อีกทั้งยังสามารถแสดงความเร็วในรูปแบบตัวเลขดิจิทัลขนาดใหญ่ได้

civic_test_17

     ส่วนพวงมาลัยของรุ่น EL+ หุ้มด้วยวัสดุหนัง สามารถปรับระดับขึ้น-ลงและเข้า-ออกได้ โดยรอบวงพวงมาลัยมีขนาดพอเหมาะ จับกระชับมือ พร้อมทั้งออกแบบให้มีเว้าบริเวณ 9 และ 3 นาฬิกา เพื่อให้จับพวงมาลัยได้อย่างมั่นคง ขณะที่สวิตช์ระบบเบรกมือไฟฟ้าติดตั้งไว้บริเวณใกล้กับคันเกียร์ พร้อมฟังก์ชัน Brake Hold ช่วยประคองเบรกในขณะรถติด ใกล้กันมีปุ่ม ECON สำหรับปรับการตอบสนองของคันเร่งและการทำงานของระบบแอร์เพื่อรีดความประหยัดสูงสุด

     ชุดกุญแจของรุ่น EL และ EL+ ยังคงเป็นแบบรีโมทปกติ ต่างจากรุ่น RS ที่มีลักษณะเป็นแบบ Key Card ทำงานคู่กับระบบควบคุมล็อกประตู Honda Smart Key System และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ One Push Ignition System อีกทั้งยังมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศด้วยรีโมท Remote Engine Start มาให้เช่นเคย ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ 1-zone ที่ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจดี

civic_test_08

     เครื่องเสียงที่ติดตั้งมาให้ในรุ่น EL และ EL+ ต่างก็เป็นหน้าจอสัมผัส Advanced Touch ขนาด 7 นิ้ว ที่มีปุ่มช็อตคัทและปุ่มควบคุมระดับเสียงแยกออกมาให้ ต่างจากหน้าจอของฮอนด้าสมัยก่อนที่ต้องอาศัยการสัมผัสเพียงอย่างเดียว ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากต้องขับรถไปด้วย โดยเครื่องเสียงชุดนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมระบบ Bluetooth และช่อง USB มาให้ 3 ตำแหน่ง มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย พร้อมทั้งขับกำลังเสียงผ่านลำโพงทั้ง 8 จุดทั่วห้องโดยสาร

civic_test_10

ระบบความปลอดภัย

     อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Honda Civic 2021 ใหม่ มีระบบความปลอดภัย Honda SENSING มาให้เหมือนกันทุกรุ่นย่อย โดยระบบดังกล่าวประกอบไปด้วย

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDW
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามคันหน้าที่ความเร็วต่ำ ACC with LSF
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ LCDN

civic_test_14

     ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านถุงลมนิรภัย, ระบบช่วยการทรงตัว VSA, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Monitor, กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า และไฟเตือนคาดเข็มขัดเบาะนั่งด้านหลัง เป็นต้น ส่วนกล้องแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch มีอยู่ในรุ่น RS เท่านั้น

เครื่องยนต์และช่วงล่าง

     ขุมพลังของ Honda Civic ใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC VTEC TURBO ความจุ 1.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 178 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้น 5 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้น 20 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT

civic_test_13

     ขณะที่ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งระบบดิสก์เบรกมาให้ทั้ง 4 ล้อ พร้อมด้วยจานเบรกด้านหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน

การขับขี่

     ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์เทอร์โบที่มีกำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้การเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำได้อย่างฉับไวเหนือกว่าคู่แข่งทั้งปวง ประกอบกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ค่อนข้างฉลาด ทำให้แรงบิดไหลมาเทมาได้อย่างลื่นไหล การกดคันเร่งประคองไว้ที่ประมาณ​ 3,000 รอบต่อนาที ก็เพียงพอที่จะฉีกหนีรถคันอื่นที่ผ่านช่องจ่ายค่าทางด่วนมาด้วยกันได้แบบสบายๆ

Honda Civic RSHonda Civic RS

     ขณะที่การเร่งแซงก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เนื่องจากการทำงานของเทอร์โบให้ช่วยสร้างแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำ การกดคันเร่งเพียงครึ่งเดียวก็มากพอที่จะแซงรถคันหน้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ จึงอาจเรียกได้ว่ารถคันนี้เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ด้วยอัตราทดของพวงมาลัยที่ค่อนข้างกระชับ มีน้ำหนักเบากำลังดีที่ความเร็วต่ำ จึงสามารถลัดเลาะไปในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อใดก็ตามที่ขับรถออกนอกเมือง พวงมาลัยก็จะเริ่มหนืดขึ้นตามความเร็ว บวกกับพละกำลังที่มีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ จึงถือว่าฮอนด้าทำได้ดีในจุดนี้

     ขณะที่ช่วงล่างของ Civic FE ใหม่ ยังคงรักษาเอกลักษณ์จุดศูนย์ถ่วงต่ำของโฉม FC เอาไว้ แต่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลนั่งสบายมากยิ่งขึ้น สามารถรับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดียิ่งขึ้น การโยนตัวในขณะเข้าโค้งค่อนข้างต่ำ รวมถึงการเก็บเสียงตึงตังของช่วงล่างขณะผ่านฝาท่อหรือพื้นผิวขรุขระก็ทำได้ดีเช่นกัน

Honda Civic RSHonda Civic RS

     จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ Civic โฉมใหม่ คือ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Honda SENSING ที่มีให้ทุกรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) ที่เพิ่มฟังก์ชันเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) ซึ่งจะช่วยส่งสัญญาณเตือนในรูปแบบภาพและเสียงเพื่อแจ้งว่ารถคันหน้าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ให้ผู้ขับขี่กดปุ่ม Resume หรือแตะคันเร่งเบาๆ ระบบ Low-Speed Follow ก็จะกลับมาทำงานต่อเนื่องอีกครั้ง

     ซึ่งการทำงานของระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติทั้งย่านความเร็วปกติและความเร็วต่ำ ACC และ LSF ก็ถือว่าค่อนข้างไว้ใจได้ แม้ว่าจะมีลักษณะฝืนธรรมชาติของผู้ขับขี่ไปเสียหน่อย คือหากมีรถแทรกเข้ามาด้านหน้า ระบบก็จะลดความเร็ว (เกือบจะ) กะทันหัน ทำให้ผู้โดยสารหัวสั่นหัวคลอนกันไป ถ้ามีรถแทรกบ่อยๆ เข้าถึงอาจกับหงุดหงิดจนปิดระบบไปเลยก็มี แต่ก็แลกมาด้วยความปลอดภัยว่ารถของเราจะไม่พุ่งไปชนคันหน้าอย่างแน่นอน

Honda Civic RSHonda Civic RS

     แต่ที่น่าชมเชยเห็นจะเป็นระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS) ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างนุ่มนวล ไม่รบกวนการบังคับพวงมาลัยของผู้ขับขี่มากจนเกินไป แต่ก็ยังปลอดภัยมากพอในกรณีตัวรถเบี่ยงออกจนเกือบจะทับเส้นแบ่งถนน ระบบก็จะช่วยประคองพวงมาลัยกลับมายังกลางเลนอัตโนมัติได้อย่างนุ่มนวล

สรุป

     หากกล่าวโดยสรุปแล้ว Honda Civic รุ่น EL+ ใหม่ ถือเป็นรถที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน พร้อมทั้งมีระบบ Honda SENSING แบบเต็มสูบมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แม้ว่าทีมวิศวกรจะพยายามปรับปรุงให้รถรุ่นใหม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการขับขี่และช่วงล่าง แต่รถคันนี้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความดีงามในด้านความสปอร์ต ความคล่องแคล่วในการขับขี่ไว้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

civic_test_34

     ส่วนคำถามว่าจะเลือกรุ่นย่อยไหนดีระหว่าง EL, EL+ และ RS นั้น แน่นอนว่า RS เป็นรุ่นที่มีอุปกรณ์มาตรฐานครบครันที่สุด พร้อมตกแต่งภายนอกแบบสปอร์ตตามฉบับ RS จากโรงงาน แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ขยับเพิ่มขึ้นจากรุ่น EL+ ที่เราทดสอบกันอยู่นี้ถึง 190,000 บาท

     แต่หากเน้นความคุ้มค่าเป็นหลักก็คงเหลือตัวเลือกเพียง EL และ EL+ ที่มีราคาต่างกัน 45,000 บาทพอดิบพอดี แลกกับออปชันที่เพิ่มขึ้นมา ได้แก่ กระจกมองข้างพับ-กางอัตโนมัติเมื่อล็อกและปลดล็อกประตูรถ, เบาะนั่งหุ้มหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, พวงมาลัยหุ้มหนัง, ช่อง USB เพิ่มเป็น 3 ตำแหน่ง และลำโพงเพิ่มเป็น 8 ตำแหน่ง ก็ขึ้นอยู่กับคุณผู้อ่านแล้วล่ะครับว่าอุปกรณ์เหล่านี้จูงใจมากพอที่จะเพิ่มเงินได้หรือไม่

ราคาจำหน่าย All-new Honda Civic 2021 ใหม่

  • รุ่น EL ราคา 964,900 บาท
  • รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท (รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ)
  • รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ ของ รีวิว Honda Civic 2021 รุ่น 1.5 EL+ ใหม่ คุ้มค่าน่าใช้ในงบเข้าถึงง่ายกว่า RS

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook