TEST MERCEDES BENZ E 300 CKD IN CHUMPORN

TEST MERCEDES BENZ E 300 CKD IN CHUMPORN

TEST MERCEDES BENZ E 300 CKD IN CHUMPORN
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

เวลา 9.00 น. ตรงเป๊ะตามเวลานัดหมายของเช้าวันอังคารเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์นัดให้สื่อมวลชนกว่า 20 ชีวิตไปเจอกันที่พัฒนาการซอย 45 อันเป็นที่ตั้งของเบนซ์ทีทีซี ดีลเลอร์รายใหญ่ของเขาเพื่อทำการทดลองขับรถเบนซ์ E-500 และ E-300 รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นรถประกอบในประเทศ (CKD) ที่เพิ่งคลอดออกมาจากโรงงานสดๆ ร้อนๆ ได้ไม่กี่วันนี่เอง

การเดินทางทดสอบรถหรูโลโก้ตราดาว ฝูงใหญ่มูลค่าร่วมๆ 100 ล้านครั้งนี้ กำหนดการณ์ระบุไว้ว่าออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ แล้วมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่ จ.ชุมพร พักที่โรงแรมโนโวเทล 1 คืน วันรุ่งขึ้นออกเดินทางต่อ จาก จ.ชุมพร ขับยาวเข้าสุราษฎร์ ใช้เส้นทางเซาเทิร์นซีบอร์ด ไปทานข้าวกลางวันกันที่ จ.กระบี่ แล้วขับออกจากกระบี่เข้าสู่ จ.พังงา แล้วยิงยาวเข้า จ.ภูเก็ต ไปนอนพักที่โรงแรมเมอร์เคียว หาดป่าตองกันอีก 1 คืน แล้วรุ่งขึ้นจึงเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน
ผมเดินทางพร้อมกับสมาชิกอีก 2 ท่านคือคุณอมร พวงงาม หัวหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และคุณวชิระ เรืองมาลัย เจ้าของนิตยสาร A car เรา 3 คนตกลงกันว่าขากลับจะขับกลับกันเอง ไม่ขึ้นเครื่องบินกลับด้วยเหตุผลส่วนตัว เพราะกลัวเครื่องบิน ซึ่งเรา 3 คนก็สลับกันขับจากภูเก็ตเรื่อยมาจนถึงกรุงเทพฯ ด้วยความเรียบร้อย

The new E-Class Press Test Drive ชื่ออย่างเป็นทางการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จัดกิจกรรมทดสอบหรือทดลองขับกันครั้งนี้ โดยทางเบนซ์จัดรุ่น E 300 AVANTGARD เป็นรถประกอบในประเทศทั้งหมดราคาคันละ 4,999,000 บาท รวม 10 คัน และรุ่น E-500 AVANTGARD เป็นรถนำเข้าราคาเฉียดๆ 12 ล้านบาทอีก 1 คันมาให้ลองขับกัน
สำหรับ E 300 แบบ CKD ลงเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,000 CC. ให้กำลังสูงถึง 219 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 30.7 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 7 จังหวะ รุ่น 7G-Tronic พร้อมกับ Direct Select สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ที่พวงมาลัย

     

 

ข้อมูลจากโรงงานระบุว่าสมรรถนะในการขับเคลื่อนทันใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 247 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้ความสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 10.9 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร (นอกเมือง) และ 7.6 กิโลเมตรต่อลิตร (ในเมือง)
สำหรับเวอร์ชั่นที่ขายเป็นรุ่นตกแต่งอย่างหรู มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Thermotronic แบบ 3-Zone เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ม่านบังแดดประตูหลังฝั่งซ้าย-ขวา ม่านบังแดดหลังปรับขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้า มีระบบนำทางและระบบ COMMAND APS ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆภายในรถยนต์ และที่ขาดไม่ได้คือ ชุดเครื่องเสียงที่ติดตั้งมากับรถที่อยู่ในระดับชั้นเยี่ยม

เรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยใน E 300 ก็มีมาให้เยอะ มีระบบปรับโคมไฟหน้าที่จะปรับตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (Active Light System-ALS) ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ ILS-Intelligent Light System ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนแรงดันลมยาง, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ หรือ ATTENTION ASSIST เซ็นเซอร์ช่วยในการเข้าจอด หรือ PARKTRONIC ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ หรือ PRE SAFE ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้างสำหรับเบาะหน้าและหลัง พร้อมม่านถุงลมนิรภัย พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR และไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน เรียกว่าอัดมาให้เต็มอัตราศึก

ส่วนรุ่น E 500 AVANTGARDE นั้นเป็นรถ CBU ข้อมูลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุว่าเป็นขนาดเครื่องยนต์ V8 ความจุกระบอกสูบ 5,462 CC. เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 285 กิโลวัตต์/ 388 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 530 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800-4,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 9.2 กิโลเมตรต่อลิตร

ด้านอุปกรณ์ต่างๆ ของ E 500 คันนี้โดยรวมๆ แล้ว ไม่แตกต่างจาก E 300 นัก ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและด้านความปลอดภัยแทบจะเหมือนกับ E 300 ทุกอย่าง ที่พิเศษหน่อยก็คือเบาะนั่งคู่หน้าทั้งของคนขับและผู้โดยสารจะทำงาน อัตโนมัติด้วยการบีบกระชับตัวขณะที่รถเลี้ยวโค้งแล้วจะคลายตัวออกอัตโนมัติ เมื่อสภาพถนนเข้าสู่สภาวะปกติ
ทั้งรุ่น E 300 และ E 500 นี้ ท่านศาสตราจารย์ ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยบอกว่า The new E Class ใหม่ล่าสุดนี้เป็นรุ่นที่เขาภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรุ่นที่รวบรวมความสุดยอดเทคโนโลยีของเบนซ์มารวมไว้ด้วยกันได้อย่าง ลงตัว และที่สำคัญคือยังได้รับการยอมรับให้เป็น World’s Best Business Sedan ด้วยระบบความปลอดภัยสูงสุด สมรรถนะยอดเยี่ยมเป็นเลิศ และขับขี่ได้เพลิดเพลินแม้เดินทางไกล

 

 

สำหรับผมที่มีโอกาสได้ไปลองขับเบนซ์ใหม่ล่าสุดทั้ง 2 รุ่น กับระยะทางไกลๆ ทั้งไปและกลับนับพันๆ กิโลฯ คราวนี้บอกกันตรงๆ ว่า สุดยอดครับ ทั้งทางตรง ทางโค้ง ขึ้น-ลงเขาแรงบิดต่อเนื่องดีมาก ระบบกันสะเทือนแบบ Direct Control จะปรับการทำงานอัตโนมัติ ปรับไปตามสภาพของถนนในเส้นทางนั้นๆ จะเป็นทางขรุขระ หรือทางเรียบตัวโช๊กอัพก็จะปรับไปเพิ่มความหนืดให้การทรงตัวที่ดีมาก

เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 7G-Tronic มีระบบ Direct Select ตำแหน่งติดตั้งอยู่ตรงพวงมาลัยสามารถเลือกเล่นเกียร์สูง-ต่ำได้สะดวกมากๆ ครับ อัตราเร่งรวดเร็วทันใจ ผมได้ลองกดคันเร่งไปที่ย่านความเร็วราวๆ 180-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การทรงตัวและเกาะถนนนั้นนุ่ม นิ่งและเนียนมากครับ ไม่รู้สึกน่ากลัวอะไร แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือเรื่องระบบปรับอากาศเท่านั้นแหละครับที่ต้องแก้ไขให้ เข้าที่เข้าทางหน่อย นอกนั้นของเขาสุดยอดทุกอย่างครับ

สนนราคาคันละ 4,999,000 บาท หากควักจ่ายสด 5 ล้านบาท มีทอน 1 พันบาท แลกกับความหรูหรา ขับสบาย ไฮโซอย่างนี้ ไม่ต้องคิดมากแล้วครับ..ถ้ามีเหลือๆ !!

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ TEST MERCEDES BENZ E 300 CKD IN CHUMPORN

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook